Sunday, June 17, 2007

Kingston

Kingston

Kingston Ontario

สุดสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม เป็นวันหยุดยาวติดต่อกันสามวัน เพราะวันจันทร์เป็นวันขอบคุณพระเจ้า เล็ง ๆ ไว้ตั้งนานแล้วว่าอยากไปล่องเรือตามแม่น้ำ St. Lawrence ในเมืองKingston ก็เลยถือโอกาสไปซะเลย

Kingstonห่างจากโตรอนโตประมาณ 250 กิโลเมตรเห็นจะได้ คาดว่าน่าจะใช้เวลาในการขับรถสัก 2 ชั่วโมงกว่า ๆ เรือที่เราจะไปนี้ออกจากท่า 11.00 น. เขาให้ไปถึงก่อนเรือออก ครึ่งชั่วโมง เราก็เลยออกจากบ้านประมาณ 8.00 น. ขับรถไปตามทางหลวง 401 มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก ตอนเช้าอากาศเย็นมาก มิหนำซ้ำลมยังแรงอีกด้วย เลยต้องเตรียมเสื้อกันหนาวกับถุงมือไปด้วย คิดว่าบนเรือต้องหนาวกว่านี้แน่นอน



คิงสตันเป็นเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งของแคนาดา อยู่ตรงด้านทิศตะวันออกของทะเลสาบออนทาริโอจบกับแม่น้ำ St. Lawrence River และเป็นจุดเริ่มต้นของ Thousand Islands.คิงสตันเป็นเมืองหลวงเมืองแรกของแคนาดา แต่ด้วยเหตุที่เมืองมันเล็กไปหน่อยและง่ายกับการถูกโจมดีโดยอเมริกา เมืองหลวงจึงเปลี่ยนไปเป็นมอนทริออล โตรอนโต และ ออตวาในที่สุด เมืองหลวงย้ายคิงสตันก็ไม่ได้เจริญไปมากนัก ผู้คนก็ย้ายออกไป ทำให้กลายเป็นเมืองเก่าที่คงเสน่ห์ไว้ได้เป็นอย่างดี

ทางหลวงสาย 401 มีรถค่อนข้างเยอะ เป็นทางหลวงเชื่อมระหว่างเมืองใหญ่ ๆ โตรอนโตกับมอนทริออล เป็นต้น การขับรถไกล ๆ ในแคนาดามีดีหลายอย่าง ระหว่างทางก็มีสถานีบริการน้ำมัน และของว่าง รวมทั้งห้องน้ำให้ใช้บริการ ซึ่งก็สะอาดสอ้านพอใช้ ถึงแม้ว่าคนจะเยอะมากก็เถอะ เขาทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อีกอย่างถ้าพ้นเขตเมืองมาแล้ว เห็นว่าการจราจรไม่แออัดมากนัก เราสามารถ ใช้ระบบ Cruise Control ได้ ตั้งความเร็วตามตัวเลขความเร็วจำกัดตามถนนที่เราขับแล้วก็คอยบังคับพวงมาลัยตามจำเป็นเท่านั้นเอง ไม่เมื่อยขาดี


ระหว่างทางสังเกตว่าใบไม้บางส่วนเริ่มเปลี่ยนสี ถึงจะยังไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็พอพักผ่อนสายตาได้บ้าง สีเหลือง สีส้ม สีแดง ของใบไม้ มีเสน่ห์มากทีเดียว

พอขับไปได้สักสองชั่วโมงเศษ ๆ ก็ถึงทางออก # 615 – Sir John A. Macdonald ตามด้วย ถนน King St. ซึ่งเป็นถนนเลียบทะเลสาบ ขับไปเรื่อย ๆ จนถึงตัวเมือง พอผ่านศาลากลางประจำเมืองก็หาที่จอดรถได้เลย เพราะท่าเรืออยู่ตรงหน้าศาลากลางพอดี ค่าจอดรถก็ 2 เหรียญต่อชั่วโมง วันเสาร์จ่ายค่าจอดรถเต็มที่ได้ไม่เกิน 6 เหรียญต่อคัน นั่นคือจอดเกิน 3 ชั่วโมงก็จ่ายแค่นั้น

จากนั้นเราก็เดินไปเอาตั๋ว ซึ่งเราจองล่วงหน้าทางโทรศัพท์มาแล้ว บอกเขาแค่หมายเลข Confirmation เท่านั้นเอง เดินไปถึงที่เอาตั๋วก็ 10.45 นาที สายไปนิด แต่ไม่เป็นไร เป็นช่วงปลายฤดูล่องเรือแล้ว คนไม่เยอะ ไม่งั้นอาจตกเรือได้ เรือที่เราจะไปนี้ใช้เวลาล่องแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง ราคาผู้ใหญ่คนละ 18 เหรียญ รวมภาษีก็ 20 กับเศษ ๆ สตังค์ เขาให้ไปขึ้นเรือเลย เพราะใกล้เวลาออกแล้ว

บนเรือมีคนประมาณ 20 เศษ ๆ เอง จริง ๆ จุได้เยอะ แต่เพราะอากาศเย็นลงแล้ว และสัปดาห์นี้ก็เป็นสัปดาห์สุดท้าย หลังจากนี้ก็ล่องไม่ได้ เพราะเย็นมากไป ท้องฟ้าขมุกขมัว มีแดดเป็นพัก ๆ ก็ยังดีกว่าฝนตกนะ บนเรือมีสองชั้น ชั้นล่างกรุกระจก ไม่มีลมพัด มีโต๊ะ เก้าอี้ให้นั่ง มีเครื่องดื่มและของว่างขาย เราหนาวก็เลยสั่งชอกโกแลตร้อน ๆ มาดื่มหน่อย ไม่ร้อนอย่างที่คิด แค่อุ่น ๆ พอช่วยคลายหนาวได้นิดหน่อย

พอเรือเริ่มออกจากท่าเราก็ขึ้นไปชั้นสองซึ่งเปิดกว้าง มีหลังคาเป็นผ้าใบ ลมพัด เย็นมาก ต้องใส่เสื้อกันหนาว ถุงมือกันเต็มที่ มีเคาเตอร์ขายเครื่องดื่มแต่ไม่เปิด เราก็ยืนหลบเอา ลมพัดทางไหนก็ใช้เคาเตอร์เป็นที่กำบังเดินได้รอบ ๆ เลย ดีนะที่แดดส่องจ้า ช่วยได้ดีทีเดียวแหละ

Kingston's Islands & Harbour Cruise คือชื่อของทัวร์ที่เราเลือก มีการพาชมวิวที่สวยงามพร้อมคำบรรยายประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเกาะแก่งต่าง ๆ สถานที่ราชการ ที่คุมขังนักโทษ มหาวิทยาลัยชื่อดัง เรือรบเก่าที่นำมาเป็นโรงแรมแบบ Bed and Breakfast ป้อมปราการต่าง ๆ รวมทั้งหอประภาคารมีให้เห็นริมฝั่งเป็นระยะ คิงสตันเคยเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของแคนาดามาก่อน จึงมีประวัติที่น่าสนใจทีเดียว น่าเสียดายที่รูปถ่ายออกมาไม่ค่อยชัดเพราะไกลไปหน่อย

กลางแม่น้ำเรือผ่านหนุ่มกล้า มาเล่นวินด์เสริฟอยู่คนเดียว จริง ๆ ก็ดีไม่น้อย ไม่เกะกะ เหมือนเป็นแม่น้ำส่วนตัวเลยนะ

สรุปแล้วเราเป็นคนเดียวที่อยู่ชั้นสองมองวิวตลอดเวลา 90 นาที คนอื่น ๆ ขึ้นมาดูและ ถ่ายรูป แป๊ป ๆ ก็กลับลงไปเพราะทนหนาวไม่ไหว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เราชอบแดดมาก ๆ ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ไม่กลัวดำเหมือนตอนอยู่เมืองไทยเลย ยิ่งอากาศเย็น ๆ อย่างนี้ยิ่งชอบ



กลับมาถึงฝั่ง 12.30 น. ไม่ขาดไม่เกิน ขึ้นฝั่งก็หิวโซเลยทีเดียว ต้องหาอะไรทานซะหน่อย เลยเลือกร้าน Lone Star เป็นอาหารสไตล์ TexMex (Texas-Mexican) มีข้าวโพดอบกรอบ (Corn chip) กะซัลซ่า (Salsa) ให้ทานเรียกน้ำย่อย ฟรี ๆ ไปก่อน เราสั่งอาหารว่างรวมมิตรสำหรับสองคน มาประเดิม ตามด้วย Steak Sandwich กับ Fajitas กินเยอะไปหน่อย เลยอิ่มซะ

หลังอาหารเราถือโอกาสเดินเล่นซะหน่อย ทราบว่าวันเสาร์เขามีตลาดนัดเกษตร Farmer Market ก็ว่าจะหาทางไปดู เดินผ่าน ศาลากลาง และบริเวณท่าน้ำอันสวยงาม ซึ่งก็มีอยู่แค่นี้เองแหละ เมืองมันเล็ก ๆ มีหัวจักรรถไปเก่า ๆ เอามาประดับบริเวณด้วย ไปอีกไม่กี่ก้าว หลังศาลากลาง ข้าง ๆ โบสถ์ St. Georges ประจำเมือง ก็มีตลาดนัดเล็ก ขายพวก ผัก ผลไม้ รวมทั้งเครื่องหัตรกรรมเล็ก ๆ น้อย มีร้านเป็นเพิง เล็ก ๆ อยู่ไม่เกิน 20 ร้าน ผ่านร้านขายเครื่องหนังเป็นพวกถุงมือ ผ้าพันคอ และหมวกดูเป็นชาวบ้านดี แต่สีไม่สวย เลยอนุญาตไม่ซื้อ แต่เห็นเนื้อแห้ง – Jerky ทำจากเนื้อควายไบสัน ดูแปลกดีเลยซื้อมาทานเล่นซะปอนด์หนึ่ง เท่านั้นเอง

เวลาล่วงไปเป็นบ่ายสองกว่า ๆ ต้องกลับบ้านแล้ว Kingston เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับมาเที่ยวไปกลับภายในหนึ่งวัน เมืองเล็ก มีเสน่ห์ดีนะ ถ้าไม่ชอบนั่งเรือ จะขับรถเที่ยวไปรอบ ๆ ก็ได้ ถ้าจะมานั่งเรือ เขามีบริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม เสาะหา Thousand Island Cruise ก็จะมีข้อมูลให้อ่านเยอะแยะเลย




1 comment:

Anonymous said...

ขอบคุณ สำหรับข้อมูล ได้ผ่านไปเมืองนี้แว๊ป รู้สึกชอบ เลยได้เกร็ดความรู้จากเมืองนี้เพิ่มเติม