Saturday, December 11, 2010

Sedona – Red rock country IV

Scenic Drive - last day

วันนี้ต้องจากซีโดน่าแล้ว แต่เราจะแวะจุดชมวิวรอบเมืองก่อนขับรถเข้าเมือง Phoenix จุดแรกที่เราแวะคือ เขาใกล้สนามบินเรียกว่า Airport Mesa ที่นี่เราจะเห็นวิวเมืองซีโดน่าชัดเจน



เริ่มด้วย Capitol Butte และ Coffee pot rock เป็นฉากหลัง อันสวยงาม



ผาหม้อกาแฟ หรือ Coffee pot rock ใกล้ ๆ หน่อย เห็นพวยกามั้ย



หินปล่องไฟ หรือ Chimney Rock ตั้งตระหง่าน



อันนี้เป็นฐานของหินปล่องไฟ เป็นหลืบชั้น สวยดีนะ



ส่วนหนึ่งของเทือกเขานี้ ไม่รู้มีชื่อหรือเปล่า ถ้ามีเราก็ไม่รู้แหละ



แวะที่จุดชมวิวแห่งหนึ่ง วิวไม่ค่อยสวย แต่นกน้อยตัวนี้ เกาะกระจกชมวิวอยู่เดียวดาย



อันนี้เป็น Cathedral Rock จากจุดชมวิวที่เรียกว่า Back O’ Beyond



อันนี้เป็นโบสถ์ท่ามกลางหินผาเรียกว่า The Chapel of the Holy Cross



มีหินที่เรียกว่า Madonna and praying nuns อยู่ใกล้ ๆ เดากันเอาเองนะว่าอันไหนเป็น Madonna และอันไหนเป็น praying nuns



อันนี้เรียกว่า Courthouse Butte คงเหมือนศาลทั่วไปของประเทศอเมริกา



สุดท้ายก่อนออกจากเมืองซีโดน่า หลังจากนี้ต้องขับรถยาวเลย ไปชมเขาที่เรียกว่า Bell Rock แน่นอนสิ เหมือนระฆังคว่ำ แต่ตีไม่ดัง


สิ่งที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับการมาพักผ่อนในประเทศอเมริกาคือได้ช้อปปิ้งและเสียภาษีน้อยกว่าที่แคนาดา เราได้แวะช้อปปิ้งที่ Outlet mall ก่อนเข้าเมือง ซื้อของสองสามชิ้นพอเป็นกะษัย



ที่ Phoenix เราพักโรงแรมใกล้ ๆ สนามบิน เพราะต้องบินกลับบ้านแต่เช้าตรู่ เลยจอง Marriott Courtyard ไว้ ได้อัพเกรดเป็นห้องชุด 1 ห้องนอนด้วยเพราะมีบัตรสมาชิก บ่ายวันนั้นมีเวลาเยอะมาก เลยได้ใช้ห้องออกกำลังกายซะชั่วโมงหนึ่ง ได้นั่งทานอาหารเย็นที่ข้างเตาผิงริมสระ ท่ามกลางพระจันทร์สลัว ๆ ได้บรรยากาศดีนะ จบทริปนี้แต่เพียงเท่านี้แหละจ้า

Friday, November 26, 2010

Sedona – Red rock country III

West Fork Trail

วันนี้เราจะไปเดินป่าอีกเส้นทางหนึ่ง ชื่อ West Fork Trail มันจะต่างจากเมื่อวานตรงที่เมื่อวานไปเดินเขา แต่วันนี้จะไปเดินเลียบลำธาร Oak Creek ภายในหุบเหว West Fork Canyon



ระยะทางก็พอ ๆ กัน คือประมาณ 3 ไมล์ ไปกลับก็ 6 ไมล์ หินแถวเหวนี้เป็นหินสีเทาที่เรียกว่า Coconino Sandstone ไม่ออกแดงเหมือนภูเขาเมื่อวาน



ลวดลายหินสีแดงสวยแปลกตาที่จุดเริ่มต้นของเส้นทางเดิน



เพราะเส้นทางนี้เลียบลำธาร เราก็ต้องเดินข้ามไปข้ามมารวม 12 ครั้งแน่ะ ถ้ามาหน้าน้ำหลากคงต้องว่ายน้ำไปด้วย รูปนี้เป็นรูปของเงาน้ำในลำธารตื้น ๆ



น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน ถ้าน้ำทั้งลำธารไหลผ่าน มันหรือจะไม่ถูกเซาะแบบนี้



ต้นสน Ponderosa Pine เป็นต้นไม้หลักในถิ่นนี้ สีของลำต้นจะดำ ๆ เมื่อมันยังเล็ก แต่ถ้าอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ จะออกเป็นสีส้มแดงสวยมาก


พื้นที่บางส่วนร่มคลึ้มด้วยร่มเงาต้นไม้ มีต้นเมเปิ้ลเพิ่งเปลี่ยนสีผลัดใบสวยมาก ว่ากันว่าเป็นเส้นทางเดินป่าที่โรแมนติกที่สุดในซีโดน่าเลยที่เดียว ต้นเมเปิ้ลมีทั้งต้นเล็ก ๆ แบบนี้


หรือต้นที่โตแล้วอย่างนี้ แต่ใบก็ยังสวยงามเทียมกัน


สงสัยเมื่อคืนหิมะคงตกเพราะบางจุดจะเห็นเม็ดหิมะสีขาว ปกคลุมพื้นที่ประปราย นักท่องเที่ยวบางคนไม่รู้ว่ามันคืออะไร เห็นสาวไทยอย่างเรากำลังถ่ายรูปอยู่ ก็ถาม เลยได้คำตอบที่ถูกใจ

ต้นวัชพืชใบเดียวต้นนี้ ก็ไม่น้อยหน้า นำเสนอตัวเองได้ดี ไม่รอดพ้นสายตาอันคมเฉียบของเราไปได้

ทางเดินนี้เป็นทางเดินที่ง่ายที่สุดเพราะไม่ต้องปืนเขา จึงเป็นที่นิยม พ่อแม่พาลูกเล็ก ๆ มาเดินเต็มไปหมด คนแก่ ๆ ก็มาเดินเส้นทางนี้ เขาว่าถ้าเป็นหน้าร้อนคนจะเยอะมาก ๆ เดินกันแน่นทางเดินเลยทีเดียว



พื้นที่บางส่วนเป็นที่โล่งระหว่างหุบเหว เห็นหินเหวสีเทาสูงเสียดฟ้า บางส่วนของหน้าเหวเป็นรอยหยักคล้ายหลืบถ้ำ และไม่ว่าหินจะแข็งขนาดไหน ต้นไม้ก็ยังหาทางหยั่งรากฝังลึก เติบโตออกมาจนได้



วันนี้ฟ้าใสเช่นเคย เขาว่าอริโซน่ามีวันแดดออกโดยเฉลี่ยแต่ละปีมากกว่า ฟลอริด้าหรือฮาวายซะอีก


เดินไปถ่ายรูปไป ระยะทางไปกลับ 6 ไมล์ ใช้เวลาเกิน 3 ชั่วโมงแน่ะ แต่ก็คุ้ม เพราะที่โตรอนโตไม่มีทางเดินสวย ๆ แบบนี้ให้เดิน


จบวันโดยการพักผ่อนอยู่ที่ ๆ พัก ทานอาหารว่าง อ่านหนังสือไปตามเรื่อง มีตอนต่อไป..

Tuesday, November 23, 2010

Sedona – Red rock country II

Huckaby Trail

ตื่นขึ้นมาก็ไปทานอาหารเช้าที่ห้องกินข้าว ที่นี่มีชา กาแฟ น้ำผลไม้เตรียมไว้ให้เราเลือกดื่มได้ตามชอบใจ มีโยเกิร์ตและกะโนล่าให้ด้วย แต่เขาจะเสริฟผลไม้ก่อน


ตามด้วยอาหารเช้า ที่จะเปลื่ยนไป ไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน


วันที่สองของการพักผ่อนที่ซีโดน่า เราจะไปเดินป่ากัน เส้นทางที่เราเลือกเดินในวันนี้ชื่อ Huckaby Trail เป็นเส้นทางใหม่สุด เพราะทางเดินอยู่ระหว่างสันเขาจะทำให้เห็นวิวเมืองซีโดน่าอยู่เบื้องล่างด้วย


อากาศบนเขาเย็นได้ใจ เช้าวันนั้นอุณหภูมิประมาณ 10 องศาได้ จุดเริ่มต้นเป็นที่จอดรถ มองเห็นหินถุงมือซึ่งเป็นจุดกำเนิดชื่อสันเขา Mitten Ridge เป็นสีแดงอยู่กลางฟ้าใส


ตามทางเดินมีลูกไม้ป่าสีแดงอวดโฉมอยู่ต้นหนึ่ง ไม่ค่อยได้เห็นพืชผลในเมืองนี้เท่าใดนัก เลยชักรูปเก็บไว้เป็นทีระลึกเสียหน่อย


ทางเดินเป็นดินแดงเป็นดินปนหิน คิด ๆ ไป ก็คล้ายกับจังหวัดทางภาคใต้บ้านเรา ที่เป็นเขาลูกรังปลูกยางพารากัน


วิวตามทางเดินสวยมาก เห็นภูเขาสีแดงเป็นระยะ ๆ เช่น Munds Mountain อยู่เบื้องหลัง


และหินเรือไอน้ำ (Steamboat Rock) อยู่เหนือเมือง ซีโดน่า อยู่อีกฝั่ง


พืชพรรณแถวนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกระบองเพ็ชรแพรหนาม (Prickly Pear Cactus) ต้นอะกาเว่ (Agave)


บางต้นมีออกดอกยอดสูงเสียดฟ้า แต่ฤดูนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ดอกมันจึงแห้งตายโด่เด่


เราจะเดินอ้อมเขาลูกนี้ ซึ่งมีหินหัวแม่โป้งยักษ์ (Giant’s thumb rock)
อยู่ตรงยอด


พ้นทางเดินตัดสันเขาดินแดง ปีนสูงไปเรื่อย ๆ เราจะผ่านเหวลำธาร Oak Creek เป็นผาหินสูงแข็งแรง


จากนั้นทางเดินจะเริ่มลดระดับลง ไปสู่ลำธาร Oak Creek ที่พืชพรรณเล็ก ๆ เริ่มเปลี่ยนสี


แล้วเราก็เดินเลียบลำธารไปสิ้นสุดที่สะพาน Midgely Bridge จากนั้นเราก็เดินย้อนกลับมาที่จอดรถ รวมเป็นระยะทางไปกลับประมาณ 6 ไมล์


ขากลับโรงแรมเราแวะที่ตัวเมืองซีโดน่า เพื่อหาอาหารกลางวันกิน วิวที่เมืองสวยดี เห็นหินเรือไอน้ำ (Steamboat Rock) อยู่ใกล้ ๆ


อีกฝั่งก็มองเห็นหินหัวแม่โป้งยักษ์ (Giant’s thumb rock) ที่เราเพิ่งไปเดินมาด้วย



กลับที่พักหาของว่างกิน วันนี้เขาทำแคร็อทเค็กกินกับน้ำชาอุ่น ๆ ชื่นใจ เย็นนั้นก็ฝากท้องกับร้านอาหารอิตาเลี่ยนใกล้ที่พัก ตั้งแต่มาเที่ยวคราวนี้กินอาหาร 3 มื้อหนัก ๆ ทุกวัน น้ำหนักขึ้นเป็นกองเลย ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ไปเดินป่าอีกแล้ว ได้ออกกำลังกายไปด้วย คงไม่เป็นน่า คอยอ่านตอนต่อไปนะจ๊ะ

Saturday, November 20, 2010

Sedona – Red rock country I

Scenic Drive

วันที่สี่ของทริปนี้ เราขับรถจาก Scottsdale ไปยังเมือง Sedona ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงได้ Sedona เป็นเมืองแห่งหินแดง เพราะเมืองตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาหินทรายที่ส่วนใหญ่เป็นสีแดง แต่ก็มีสีเทาด้วย ภูเขาหินทรายนี้บางส่วนสลายตัวลงทำให้เห็นหินเป็นชั้น ๆ สวยงาม



หินที่มีสีแดงเรียกว่า Schnebly Sandstone ในขณะที่หินสีเทาเรียกว่า Coconino Sandstone พื้นที่แถบนี้อยู่ในเขตวนอุทยานแห่งชาติ Coconino



จากพื้นที่ราบที่เป็นทะเลทราย ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 4000 ฟุต Sedona ให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่ที่เมือง Banff หรือ Jasper ในเทือกเขาแคเนเดี่ยนร๊อกกี้เลย คงเป็นเพราะเป็นเทือกเขาเดียวกันเพียงแต่ต่างเส้นละติจูดเ่ท่านั้นเอง



วันนี้เราขับรถไปตาม Scenic Drive เส้นทาง Red Rock Loop Rd และ Dry Creek Road



เ้ส้นทาง Red Rock Loop Rd จะเห็น Cathedral Rock ตั้งตระหง่าน ท่ามกลางใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีเพื่อผลัดใบ



เราแวะที่ Crescent Moon Ranch เขตอุทยานที่ใกล้กับ Cathedral Rock มากที่สุด



ที่นี่เป็น Ranch เก่า ได้บรรยากาศคาวบอยเล็ก ๆ มีรั้วไม้ยาว ๆ กระท่อมเก็บของ มีกังหันเก่า ๆให้ดูด้วย



ที่ Sedona มีลำธารชื่อ Oak Creek เป็นลำธารหลักไหลผ่าน แต่เป็นลำธารที่ยาวมาก ไปทางไหนก็จะเห็น



ภาพนี้เป็น Cathedral Rock มี Red Rock Crossing เป็นฐาน ถ้ามาฤดูน้ำหลาก จะมองไม่เห็นหินเพราะน้ำจะท่วมบริเวณนี้



เส้นทาง Dry Creek Road จะเห็นหินปล่องไฟ Chimney Rock ตั้งเด่นเป็นสง่า



ขับอ้อม ๆ Capitol Butte แต่ถ่ายรูปลำบากเพราะถนนแคบ และรถเยอะ ไม่สามารถจอดรถข้างทางได้ง่าย



วันนั้นเราไม่ได้ทำอะไรมาก แวะไปเช็กอินที่ Lodge at Sedona ซึ่งเป็น Bed and Breakfast สถานที่ ๆ เราจะได้พักในช่วง 3 คืนข้างหน้า สถานที่กว้างขวาง ห้องก็ใหญ่ดี มีเตาผิงในห้องด้วย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขาเสริฟอาหารว่างตอนเย็นพอดี เป็น Brie ชีส กินกะแบล็กแบรรี่และหอมแดงอบ ราดด้วยแบล็กแบรรี่ไวน์ซ้อสอร่อยดี



อาหารเย็นหากินง่าย ๆ คืนนั้น นอนหลับพักผ่อนเตรียมตัวลุยวันต่อไป