Thursday, June 21, 2007

อิตาลี 1 - Florence

สิงหาคม 2005

เดือนสิงหาคมเป็นเดือนที่ชาวอิตาลี่ส่วนใหญ่หยุดงานกัน เพื่อนที่อยู่ที่นั่นได้ชวนเราไปเที่ยวตั้งหลายทีแล้วไม่มีโอกาสซะที ปีนี้เกิดมีเวลาเวเคชั่นเหลือ 1 อา่ิทิตย์ จึงตัดสินใจไปอย่างกระทันหัน จองตั๋วไม่ถึงเดือนแล้วไปเลย


นั่งเครื่องจากโตรอนโตไปโรมก่อน แ้ล้วต่อเครื่องไปฟลอเรนซ์ เนื่องจากบ้านเพื่อนอยู่ใกล้ฟลอเรนซ์ ตามแผนจะถึงฟลอเรนซ์ก่อนเที่ยง ที่ไหนได้วันเดินทางเกิดพายุฝนในโตรอนโตเครื่องดีเลย์ไปสองชั่วโมงกว่า ตกเครื่องที่จะต่อไปฟลอเรนซ์เสียนี่ เลยต้องนั่งแหง่วอยู่สนามบินที่โรมสองชั่วโมงเพื่อรอเครื่องเที่ยวต่อไป วันแรกกะว่าจะไปเที่ยวฟลอเรนซ์ให้่สะใจ เลยหดเหลือไม่กี่ชั่วโมง



บ้านเพื่อนอยู่ในเมืองพิสโตเอีย (Pistoia) ขับรถจากฟลอเรนซ์สักครึ่งชั่วโมงได้ เป็นเมืองเล็ก ๆ น่ารัก และเงียบสงบ เหมือนชนบทเมืองไทยเลยล่ะ ไปถึงเราก็ไปที่ซุปเปอร์มาเก็ตแห่งเดียวในมืองนั้น ปั่นจักรยานไปสัก 5 นาทีได้ ตรงกันข้ามซุปเปอร์มาร์เก็ตมีร้านขายไอติมอิตาลีที่เรียกว่าเจลาโต (Gelato) เลยต้องกินซะหน่อย ติดใจในรสชาติ เราต้องกินเจ้านี่ทุกวันตลอดเวลาที่อยู่ในอิตาลีเลยล่ะ


ทำธุระอะไรเสร็จเรียบร้อย ตะวันบ่ายคล้อยเราก็ถือโอกาสไปชมเมืองฟลอเรนซ์กันซะหน่อย โชคดีที่สามีเพื่อนที่เป็นหนุ่มอิตาลีรูปงามช่วยเป็นสารถีให้ ไม่ต้องกางแผนที่ ไม่ต้องเสาะหาที่เที่ยว สบายไป


ฟลอเรนซ์ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำอาร์โน (Arno River) เคยเป็นเมืองหลวงของอิตาลีระหว่างปี 1865-1870 มีสถาปัตยกรรมสวย ๆ มากมาย ที่่ขึ้นชื่อก็เช่น รูปปั้นเดวิด ซึ่งตอนนี้ถูกจำลองไปวางหลายซอกหลายมุมของเมืองเลย อีกทั้งยังมี Piazza della Signoria Oltrarno หรือ Halls of History แล้วก็ Piazza della Signoria และสุดท้ายก็ Duomo ซึ่งเป็นโบสถ์อันสวยงาม

เสียดายที่ตะวันลาลับไปอย่างรวดเร็วถ่ายภาพได้ไม่เยอะเพราะแสงไม่พอ ก็ได้ภาพมานิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ ตกเย็นวันนั้นเราได้อาหารพื้นเมืองฟลอเรนซ์แสนอร่อย ถูกพวกในร้านนั่งจ้องตาไม่กระพริบ สงสัยว่าสองสาวสวยชาวเอเซียที่นั่งกับหนุ่มอิตาลีรูปงามพร้อมลูกน้อยอีกหนึ่งเนี่ยหลงมาจากไหนกันหนอ


อีกสองวันถัดมาเมื่อเรามีโปรแกรมไปเที่ยวเวนิชกัน กะไปเช้ัาเย็นกลับ เลยต้องตื่นแต่ไก่ยังไม่โห่นั่งรถเมล์เข้าฟลอเรนซ์เืพื่อจับรถไฟเที่ยวแรก ทีนี้เราเผื่อเวลาไปเดินดู Duomo ซึ่งเป็นโบสถ์ทำด้วยหินอ่อนงดงามเพราะเมื่อวันแรกไม่มีเวลาดู และเนื่องจากมันอยู่้ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเท่าใดนัก เดินแค่ห้่านาทีก็ถึง เรียกว่าไม่ผิดหวังเลยเมื่อได้เห็นความละเอียดอ่อนของฝีมือช่างหินอ่อนชาวอิตาลี

2 comments:

Unknown said...

I miss Italy too, last time I was there in 2000. I am planning to go there again in 2009 or 2010.
Nice Pictures and Blog. Keep it coming.

Thai girl said...

Wow! First comment ever. :)
Thanks.