Tuesday, June 12, 2007

บลูเมาเท่น Blue Mountain

ทริปนี้เราไปเที่ยวสถานที่พักต่างอากาศที่ Blue Mountain ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองเล็ก ๆ ชื่อ Collingwood ซึ่งอยู่ห่างโตรอนโตไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

จากโตรอนโตขับรถไปทางทิศเหนือตามทางหลวงสาย 400 แล้วแยกไปตามทางหลวงสาย 26 ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง

Blue Mountain วันนี้ต่างจากเืมื่อเราเคยมาสิบปีก่อนมาก สถานที่พักต่างอากาศ บ้านเรือนผุดขึ้นมากมาย ที่ที่เคยเป็นแค่ทุ่งกว้างเี่ดี๋ยวนี้กลายเป็นคอนโดหรือโรงแรมหรูไปหมด



วันแรกไม่ได้ทำอะไรมากหาที่ทานอาหารกลางวันได้ที่ Blue Mountain Village ซึ่งเป็นแหล่งชอปปิ้งและโรงแรมเล็ก ๆ ที่ตีนเขา Blue Mountain เขาออกแบบคล้าย ๆ แหล่งที่พักเพื่อสกีแถว ๆ สวิสเซอร์แลนด์ หลังคาเอียงลาดเพื่อให้หิมะลื่นตกพื้นได้สะดวก มีโรงแรมติดกันหลายโรง ใต้ถุนทำเป็นร้านอาหาร หรือร้านขายของหลากชนิด ทั้งอุปกรณ์สกี เสื้อผ้า เป็นต้น

หลังอาหารกลางวันแล้วเราเลยไปตีกอล์ฟที่สนามใกล้ ๆ รอบหนึ่ง วันอาทิตย์ก็หมดไปแล้ว เริ่มต้น Vacation ด้วยวันง่าย ๆ

วันจันทร์เรามีแผนไปดูน้ำตกต่าง ๆ ในบริเวณนั้น เริ่มต้นด้วยน้ำตก Walters Falls ซึ่งทำให้เราผิดหวังมาก ที่อุตส่าห์ดั้นด้นไปดูเพราะมันไม่สวยเลย เป็นน้ำตกเล็ก ๆ สูงประมาณ 30 ฟุตเห็นจะได้ แถมมีท่อน้ำล้นอยู่ใกล้ ๆ อีก โอ้ยเห็นแล้วคิดถึงเมืองไทย

น้ำตก Eugenia ตกจากหน้าผาสูงเดินเข้าไปใกล้ไม่ได้ แต่มีทางเดินรอบ ๆ ให้ชมน้ำตกและฟังเสียงน้ำไหลซู่


และน้ำตก Hoggs นั้นค่อยยังชั่วหน่อย เพราะมีขนาดใหญ่กว่านิดหน่อย ถึงแม้มีแค่ชั้นเดียว แต่ก็พอดูได้ ที่นี่บริเวณน้ำตกไม่มีคนเข้ามาตั้งเพิงขายส้มตำ ไก่ย่างเหมือนเมืองไทย เป็นธรรมชา่ติจริง ๆ


ตอนบ่ายเราก็ไปเดินเล่นแถว ๆ รีสอร์ท เดินดูบ้านสวย ๆ กัน Blue Mountain นั้นเป็นแหล่งบ้านพักต่างอากาศมานานแล้ว (Cottage Country) สถานที่เอื้ออำนวย มีภูเขาเตี้ย ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเืทือกเขาไนแอกร่า (Niagara Escarpment) ซึ่งยาวประมาณ 725 กม. เริ่มตั้งแต่ทะเลสาบออนทาริโอใกล้น้ำตก Niagara Falls ไปจนถึงยอดแหลมของ Bruce Peninsula ระหว่างอ่าวจอร์เจี่ยนกับทะเลสาบฮิวรอน (between Georgian Bay and Lake Huron)


ซึ่งเหมาะแก่การเ่ล่นสกี ทั้งยังมีชายหาดตื้้น ๆ หลายแห่งเหมาะแก่การเล่นน้ำ

วันอังคารเราตื่นแต่เช้าตรู่ไปขับรถไป Tobermory เมืองที่อยู่ปลายเหนือสุดของ Bruce Peninsula ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 2 ชั่วโมง ท่าเรือ Tolbermory ดูคึกคักมีนักท่องเที่ยวเต็มไปหมด ดูเหมือนทุกคนจะมีจุดหมายเดียวกันที่เกาะกระถาง (Flowerpot Island)



ที่นี่เราได้นั่งเรือออกไปดูซากเรือจม เรือเหล่านี้ถูกจอดทิ้งอยู่แถวนี้ เวลานานผ่านไปก็จมลงใต้น้ำ ไม่มีใครอยากกู้ขึ้นมา ตอนนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองน้ำไปเสียดิบดี



ก่อนออกสู่ทะเลสาบก็มีหอประภาคาร สีขาวแดงโดดเด่น เหมือน ๆ กับเมืองชายทะเลโดยทั่วไปที่จะต้องมีหอประภาคารเพื่อแสดงตำแหน่งเมืองให้ชาวเรือทราบ

ไม่นานเราก็ถึงเกาะกระถาง Flower Pot Island ทำไมถึงเรียกว่าเกาะกระถางล่ะ ก็เพราะหินบางส่วนถูกกระแสน้ำกัดกร่อนไปเหลือเป็นรูปแท่งคล้ายกระถางดังนี้แล


และเดินรอบเกาะ Flowerpot ซึ่งมีจุดชมวิวสวย ๆ หลายจุด อากาศดี วิวสวย จะเอาอะไรมาแลกก็ยังคิดหนัก



วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส รูปออกมาสีจัดดี ตลอดสองข้างทางนั้นมีเทือกเขาไร่นากว้่างสุดลูกหูลูกตา บางแ่ห่งเป็นฟาร์มเลี้ยงวัว หรือแกะ หรือม้า แคนาดาเนี่ยช่างกว้างใหญ่จริง ๆ แต่มีคนอยู่นิดเดียว



ขากลับเราแวะที่เมืองมีฟอร์ด Meaford ดูท่าเรือ ซึ่งก็เหมือน ๆ กับเมืองชายฝั่งทะเลสาบของออนทาริโอโดยทั่วไป เงียบสงบ และสวยงาม ตรงท่าเรือมีเรือกู้ภัยซึ่งเลิกใช้แล้วขึ้นคานรอให้คนชมอยู่ สีแดงของเรือตัดกับสีฟ้าของฟ้าสวยดีอีก



วันพุธเราไป Scenic Caves ซึ่งตามความเป็นเราแล้วไม่น่าเรียกว่า Cave เลย น่าจะเรียกว่าซอกผามากกว่า ภายในเย็นร่มรื่นดี มีจุดชมวิวที่มองเห็นตัวเมืองตรงอ่าวจอร์เจี่ยน เห็นน้ำสีครามตัดกับฟ้าสีใสดูสวยดี



ใกล้ ๆ กันเดินไปประมาณ 10 นาทีมีสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในออนทาริโออยู่ เดินข้ามสะพานมองเห็นต้นไม้ตามไหล่เขา ถ้ามาตอนฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เป็นสีเหลืองส้มจะสวยไปอีกแบบ


พอตกบ่ายก็ไปตีกอล์ฟอีกรอบหนึ่ง ก็จบวันพอดี

No comments: