Friday, November 26, 2010

Sedona – Red rock country III

West Fork Trail

วันนี้เราจะไปเดินป่าอีกเส้นทางหนึ่ง ชื่อ West Fork Trail มันจะต่างจากเมื่อวานตรงที่เมื่อวานไปเดินเขา แต่วันนี้จะไปเดินเลียบลำธาร Oak Creek ภายในหุบเหว West Fork Canyon



ระยะทางก็พอ ๆ กัน คือประมาณ 3 ไมล์ ไปกลับก็ 6 ไมล์ หินแถวเหวนี้เป็นหินสีเทาที่เรียกว่า Coconino Sandstone ไม่ออกแดงเหมือนภูเขาเมื่อวาน



ลวดลายหินสีแดงสวยแปลกตาที่จุดเริ่มต้นของเส้นทางเดิน



เพราะเส้นทางนี้เลียบลำธาร เราก็ต้องเดินข้ามไปข้ามมารวม 12 ครั้งแน่ะ ถ้ามาหน้าน้ำหลากคงต้องว่ายน้ำไปด้วย รูปนี้เป็นรูปของเงาน้ำในลำธารตื้น ๆ



น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน ถ้าน้ำทั้งลำธารไหลผ่าน มันหรือจะไม่ถูกเซาะแบบนี้



ต้นสน Ponderosa Pine เป็นต้นไม้หลักในถิ่นนี้ สีของลำต้นจะดำ ๆ เมื่อมันยังเล็ก แต่ถ้าอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ จะออกเป็นสีส้มแดงสวยมาก


พื้นที่บางส่วนร่มคลึ้มด้วยร่มเงาต้นไม้ มีต้นเมเปิ้ลเพิ่งเปลี่ยนสีผลัดใบสวยมาก ว่ากันว่าเป็นเส้นทางเดินป่าที่โรแมนติกที่สุดในซีโดน่าเลยที่เดียว ต้นเมเปิ้ลมีทั้งต้นเล็ก ๆ แบบนี้


หรือต้นที่โตแล้วอย่างนี้ แต่ใบก็ยังสวยงามเทียมกัน


สงสัยเมื่อคืนหิมะคงตกเพราะบางจุดจะเห็นเม็ดหิมะสีขาว ปกคลุมพื้นที่ประปราย นักท่องเที่ยวบางคนไม่รู้ว่ามันคืออะไร เห็นสาวไทยอย่างเรากำลังถ่ายรูปอยู่ ก็ถาม เลยได้คำตอบที่ถูกใจ

ต้นวัชพืชใบเดียวต้นนี้ ก็ไม่น้อยหน้า นำเสนอตัวเองได้ดี ไม่รอดพ้นสายตาอันคมเฉียบของเราไปได้

ทางเดินนี้เป็นทางเดินที่ง่ายที่สุดเพราะไม่ต้องปืนเขา จึงเป็นที่นิยม พ่อแม่พาลูกเล็ก ๆ มาเดินเต็มไปหมด คนแก่ ๆ ก็มาเดินเส้นทางนี้ เขาว่าถ้าเป็นหน้าร้อนคนจะเยอะมาก ๆ เดินกันแน่นทางเดินเลยทีเดียว



พื้นที่บางส่วนเป็นที่โล่งระหว่างหุบเหว เห็นหินเหวสีเทาสูงเสียดฟ้า บางส่วนของหน้าเหวเป็นรอยหยักคล้ายหลืบถ้ำ และไม่ว่าหินจะแข็งขนาดไหน ต้นไม้ก็ยังหาทางหยั่งรากฝังลึก เติบโตออกมาจนได้



วันนี้ฟ้าใสเช่นเคย เขาว่าอริโซน่ามีวันแดดออกโดยเฉลี่ยแต่ละปีมากกว่า ฟลอริด้าหรือฮาวายซะอีก


เดินไปถ่ายรูปไป ระยะทางไปกลับ 6 ไมล์ ใช้เวลาเกิน 3 ชั่วโมงแน่ะ แต่ก็คุ้ม เพราะที่โตรอนโตไม่มีทางเดินสวย ๆ แบบนี้ให้เดิน


จบวันโดยการพักผ่อนอยู่ที่ ๆ พัก ทานอาหารว่าง อ่านหนังสือไปตามเรื่อง มีตอนต่อไป..

Tuesday, November 23, 2010

Sedona – Red rock country II

Huckaby Trail

ตื่นขึ้นมาก็ไปทานอาหารเช้าที่ห้องกินข้าว ที่นี่มีชา กาแฟ น้ำผลไม้เตรียมไว้ให้เราเลือกดื่มได้ตามชอบใจ มีโยเกิร์ตและกะโนล่าให้ด้วย แต่เขาจะเสริฟผลไม้ก่อน


ตามด้วยอาหารเช้า ที่จะเปลื่ยนไป ไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน


วันที่สองของการพักผ่อนที่ซีโดน่า เราจะไปเดินป่ากัน เส้นทางที่เราเลือกเดินในวันนี้ชื่อ Huckaby Trail เป็นเส้นทางใหม่สุด เพราะทางเดินอยู่ระหว่างสันเขาจะทำให้เห็นวิวเมืองซีโดน่าอยู่เบื้องล่างด้วย


อากาศบนเขาเย็นได้ใจ เช้าวันนั้นอุณหภูมิประมาณ 10 องศาได้ จุดเริ่มต้นเป็นที่จอดรถ มองเห็นหินถุงมือซึ่งเป็นจุดกำเนิดชื่อสันเขา Mitten Ridge เป็นสีแดงอยู่กลางฟ้าใส


ตามทางเดินมีลูกไม้ป่าสีแดงอวดโฉมอยู่ต้นหนึ่ง ไม่ค่อยได้เห็นพืชผลในเมืองนี้เท่าใดนัก เลยชักรูปเก็บไว้เป็นทีระลึกเสียหน่อย


ทางเดินเป็นดินแดงเป็นดินปนหิน คิด ๆ ไป ก็คล้ายกับจังหวัดทางภาคใต้บ้านเรา ที่เป็นเขาลูกรังปลูกยางพารากัน


วิวตามทางเดินสวยมาก เห็นภูเขาสีแดงเป็นระยะ ๆ เช่น Munds Mountain อยู่เบื้องหลัง


และหินเรือไอน้ำ (Steamboat Rock) อยู่เหนือเมือง ซีโดน่า อยู่อีกฝั่ง


พืชพรรณแถวนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกระบองเพ็ชรแพรหนาม (Prickly Pear Cactus) ต้นอะกาเว่ (Agave)


บางต้นมีออกดอกยอดสูงเสียดฟ้า แต่ฤดูนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ดอกมันจึงแห้งตายโด่เด่


เราจะเดินอ้อมเขาลูกนี้ ซึ่งมีหินหัวแม่โป้งยักษ์ (Giant’s thumb rock)
อยู่ตรงยอด


พ้นทางเดินตัดสันเขาดินแดง ปีนสูงไปเรื่อย ๆ เราจะผ่านเหวลำธาร Oak Creek เป็นผาหินสูงแข็งแรง


จากนั้นทางเดินจะเริ่มลดระดับลง ไปสู่ลำธาร Oak Creek ที่พืชพรรณเล็ก ๆ เริ่มเปลี่ยนสี


แล้วเราก็เดินเลียบลำธารไปสิ้นสุดที่สะพาน Midgely Bridge จากนั้นเราก็เดินย้อนกลับมาที่จอดรถ รวมเป็นระยะทางไปกลับประมาณ 6 ไมล์


ขากลับโรงแรมเราแวะที่ตัวเมืองซีโดน่า เพื่อหาอาหารกลางวันกิน วิวที่เมืองสวยดี เห็นหินเรือไอน้ำ (Steamboat Rock) อยู่ใกล้ ๆ


อีกฝั่งก็มองเห็นหินหัวแม่โป้งยักษ์ (Giant’s thumb rock) ที่เราเพิ่งไปเดินมาด้วย



กลับที่พักหาของว่างกิน วันนี้เขาทำแคร็อทเค็กกินกับน้ำชาอุ่น ๆ ชื่นใจ เย็นนั้นก็ฝากท้องกับร้านอาหารอิตาเลี่ยนใกล้ที่พัก ตั้งแต่มาเที่ยวคราวนี้กินอาหาร 3 มื้อหนัก ๆ ทุกวัน น้ำหนักขึ้นเป็นกองเลย ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ไปเดินป่าอีกแล้ว ได้ออกกำลังกายไปด้วย คงไม่เป็นน่า คอยอ่านตอนต่อไปนะจ๊ะ

Saturday, November 20, 2010

Sedona – Red rock country I

Scenic Drive

วันที่สี่ของทริปนี้ เราขับรถจาก Scottsdale ไปยังเมือง Sedona ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงได้ Sedona เป็นเมืองแห่งหินแดง เพราะเมืองตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาหินทรายที่ส่วนใหญ่เป็นสีแดง แต่ก็มีสีเทาด้วย ภูเขาหินทรายนี้บางส่วนสลายตัวลงทำให้เห็นหินเป็นชั้น ๆ สวยงาม



หินที่มีสีแดงเรียกว่า Schnebly Sandstone ในขณะที่หินสีเทาเรียกว่า Coconino Sandstone พื้นที่แถบนี้อยู่ในเขตวนอุทยานแห่งชาติ Coconino



จากพื้นที่ราบที่เป็นทะเลทราย ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 4000 ฟุต Sedona ให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่ที่เมือง Banff หรือ Jasper ในเทือกเขาแคเนเดี่ยนร๊อกกี้เลย คงเป็นเพราะเป็นเทือกเขาเดียวกันเพียงแต่ต่างเส้นละติจูดเ่ท่านั้นเอง



วันนี้เราขับรถไปตาม Scenic Drive เส้นทาง Red Rock Loop Rd และ Dry Creek Road



เ้ส้นทาง Red Rock Loop Rd จะเห็น Cathedral Rock ตั้งตระหง่าน ท่ามกลางใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีเพื่อผลัดใบ



เราแวะที่ Crescent Moon Ranch เขตอุทยานที่ใกล้กับ Cathedral Rock มากที่สุด



ที่นี่เป็น Ranch เก่า ได้บรรยากาศคาวบอยเล็ก ๆ มีรั้วไม้ยาว ๆ กระท่อมเก็บของ มีกังหันเก่า ๆให้ดูด้วย



ที่ Sedona มีลำธารชื่อ Oak Creek เป็นลำธารหลักไหลผ่าน แต่เป็นลำธารที่ยาวมาก ไปทางไหนก็จะเห็น



ภาพนี้เป็น Cathedral Rock มี Red Rock Crossing เป็นฐาน ถ้ามาฤดูน้ำหลาก จะมองไม่เห็นหินเพราะน้ำจะท่วมบริเวณนี้



เส้นทาง Dry Creek Road จะเห็นหินปล่องไฟ Chimney Rock ตั้งเด่นเป็นสง่า



ขับอ้อม ๆ Capitol Butte แต่ถ่ายรูปลำบากเพราะถนนแคบ และรถเยอะ ไม่สามารถจอดรถข้างทางได้ง่าย



วันนั้นเราไม่ได้ทำอะไรมาก แวะไปเช็กอินที่ Lodge at Sedona ซึ่งเป็น Bed and Breakfast สถานที่ ๆ เราจะได้พักในช่วง 3 คืนข้างหน้า สถานที่กว้างขวาง ห้องก็ใหญ่ดี มีเตาผิงในห้องด้วย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขาเสริฟอาหารว่างตอนเย็นพอดี เป็น Brie ชีส กินกะแบล็กแบรรี่และหอมแดงอบ ราดด้วยแบล็กแบรรี่ไวน์ซ้อสอร่อยดี



อาหารเย็นหากินง่าย ๆ คืนนั้น นอนหลับพักผ่อนเตรียมตัวลุยวันต่อไป

Scottsdale – golfers’ heaven

Scottsdale เป็นเมืองในรัฐ Arizona ห่างจากแอร์พอร์ทที่ Phoenix ประมาณครึ่งชั่วโมง เราจองห้องที่ Inn at Eagle Mountain ไว้ 3 วัน ไม่มีแผนจะทำอะไรมากมายนอกจากตีกอล์ฟสองรอบ ที่เหลือก็พักผ่อนไปตามเรื่อง



เพราะเมืองตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทราย Sonoran สภาพภูมิศาสตร์ของเมืองจึงเป็นทะเลทรายมีภูเขาเตี้ย ๆ อยู่ประปราย มองไปทางไหนเห็นแต่กระบองเพ็ชรพันธุ์สูง ที่เรียกว่า Saguaro Cactus เต็มไปหมด



ห้องพักของเรากว้างขวาง เตียงขนาดใหญ่ มีที่นั่งเล่นหน้าเตาผิง หลังห้องมองเห็นวิวสนามกอล์ฟกลางหุบเขาสวยงาม



สนามกอล์ฟอยู่ในสภาพดีมาก ๆ หญ้าเขียวสดถึงแม้จะอยู่กลางทะเลทราย ทุกหลุมลาดเอียง ชันบ้าง ไม่ชันบ้าง เพราะอยู่ระหว่างหุบเขา รับรองหาหลุมราบเรียบไม่เจอ




ในสนามมีสัตว์ป่ามากมาย ที่เห็นบ่อยที่สุดคือเจ้านกกระทาแกมเบิ้ล Gamble Quail ซึ่งตัวผู้จะมีหน้าและหัวสีดำคาดขาว มีหงอนสูง



ส่วนตัวเมียก็เป็นสีน้ำตาลพื้น ๆ เหมือนสัตว์ทั่วไปที่ตัวผู้สวยกว่าตัวเมีย ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง ๆ



Road Runner นกในการ์ตูนมีมากแต่มันไวเหลือเกินถ่ายรูปไม่ทัน เอาเจ้า Jack Rabbit กระต่ายป่าตัวเพรียว ไปดูกันก่อนนะ



เย็นวันหนึ่งกำลังจะขับรถไปหาข้าวทาน เจ้านกเขาคู่นี้ เกาะกิ่งไม้นิ่งสงบ หลบความร้อนจากแสงตะวัน ไม่กลัวคนด้วยนะ จอดรถถ่ายรูปตั้งหลายช็อท มันก็ยังไม่ไหวติง



วันนั้นโชคดี ถ่ายรูปนกเขาเสร็จ ฝูงหมูป่าที่เรียกว่า เฮเวลีน่า (Javelina) ทั้งลูกเด็กเล็กแดง พ่อแม่และปู่ย่าตายาย กำลังพากันวิ่งข้ามถนนที่รีสอร์ทอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ หมูวัยรุ่นตัวหนึ่งหยุดมองสาวไทยคนสวย ให้ถ่ายรูปเฉยเลย เสียดายได้มาแค่รูปเดียว



ห้องพักเป็นแบบรวมอาหารเช้าซึ่งเราต้องไปนั่งกินที่คลับเฮาส์ของสนามกอล์ฟ วิวสวยอีกเช่นเคย ที่นี่เรากินแพนเค็กทุกเช้า เพราะเขาทำได้ดีมาก แป้งนุ่ม สุกกำลังดี ไม่มันเยิ้ม กินกับไส้กรอก หรือไข่ หรือเบคอนสลับกันไป แบบไม่กลัวความอ้วนถามหาเล้ย...



อาหารเย็นวันแรกเราก็ไปกินอาหารไทย รสชาติใช้ได้ แต่ไม่มีอะไรโดดเด่น วันที่สองเราไปกินอาหารอิตาเลี่ยน เป็นร้านอาหารธรรมดา ไม่หรูหราอะไร แต่อาหารอร่อยมาก ราคาไม่แพงเหมือนอาหารไทย ถ้าใครไปแถวนั้น ลองดูนะคะ ชื่อร้าน Nick’s Italian Restaurant



วันที่สามเราไปทานอาหารท้องถิ่นหรือที่เรียกว่า South Western Cuisine ซึ่งจะมีอิทธิพลของอาหารแม็กซิกัน ไปร้านอาหารชื่อ Blue Adobe เริ่มต้นด้วย Tortilla Chips กินกับ Salsa และอะโวกาโด้บดที่เรียกว่า Guacamole



ส่วนอาหารหลักก็มี Shrimp Cocktail Relleno , Lobster Tamale with Mango Salsa & Raspberry Chipotle และ Enchiladas รวม Margarita และ Beer ด้วย ยังถูกกว่าอาหารไทยหรืออาหารอิตาเลี่ยนที่ไปกินวันก่อนอีก แถมร้านก็หรูกว่าด้วย เอากับเขาสิ



พักที่ Scottsdale สามวัน มีความสุขเต็มที่ ตีกอล์ฟดีด้วย จากนั้นเราก็ต้องเดินทางต่อไปยังเมืองหินแดง Sedona เขาว่าวิวสวยมากเลยมาคอยดูกันนะ