Tuesday, October 16, 2007

2K in 3 days (I) - สามวันสองพันกิโล (ตอน1)

เพราะเรามีวันหยุดเหลืออีกสองวันจึงชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวเมาท์ทรอมบลองกัน เที่ยวนี้เราเลือกเดินทางกับเซฟเวย์ทัวร์ เป็นแพ็กเก็จสามวันสองคืนจากโตรอนโตไปเมาท์ทรอมบลองและเควเบ็กซิตี้ รวม ๆ แล้วมีระยะไปกลับประมาณสองพันกิโลได้ ไปเที่ยวกันเถอะ


วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม

เราขึ้นรถบัสเวลา 7.30 น ณ ลานจอดรถแห่งหนึ่งในเมืองสการ์โบโร่ ในรถมีคนขึ้นมาแล้วเริ่มจาก 5.30 น ในเมืองมิสซิสซอกา 6.00 น จากไชน่าทาวน์เป็นต้น เมื่อทุกคนขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว เวลา 7.45 น ทัวร์เราก็เริ่มเดินทางไปสู่จุดหมายโดยใช้ทางหลวงสาย 401 เดินทางไปทางทิศตะวันออก เวลาประมาณ 10.30 น รถก็มาถึงเมืองคิงสตัน ที่ที่เราหยุดเข้าห้องน้ำหรือซื้อของคบเคี้ยวและเครื่องดื่มเป็นจุดแรก ณ ที่นี้ ห้องน้ำผู้หญิงมีคนเข้าแถวยาวเหยียด กว่าจะได้ใช้ห้องน้ำก็นานโขอยู่




ทัวร์นี้ไม่รวมอาหารและค่าผ่านประตูใด ๆ แต่มัคคุเทศน์ได้เสนอแพ็กเก็จอาหาร 4 มื้อกับค่าลงเรือในทะเลสาบเทรมบลองในราคา 81 เหรียญ ถึงแม้จะไม่บังคับแต่ทุกคนก็ซื้อกันหมด ในรถมีคนอยู่กว่า 50 คน รวม ๆ แล้วมัคคุเทศน์รับเงินสด ๆ ไปหลายตังค์

เวลาเที่ยงตรงเราได้เดินทางมาถึงออตตาวา ซึ่งเราจะรับประทานอาหารกลางวันที่นี่ อาหารกลางวันเป็นติ่มซัมแบบบุฟเฟต์ อาหารมีให้เลือกหลากหลาย ทุกคนอิ่มหมีพลีมันกันถ้วนหน้า มัคคุเทศน์บอกให้พวกเรากลับขึ้นรถเวลาบ่ายโมงสิบนาที เราต้องรีบกินกันนิดหน่อย หลังอาหารพวกผู้หญิงก็มีปัญหาเรื่องรอคิวเข้าห้องน้ำเหมือนเดิม



บ่ายโมงสามสิบห้าเราเดินทางมาถึงเมืองกาติโนจังหวัดเควเบ็ก เพื่อขึ้นรถไฟชมใบไม้รอบบ่ายสองโมง สถานีรถไฟนี้มีรถไฟหัวจักรไอน้ำขบวนสุดท้ายที่ยังทำงานดีอยู่ของประเทศแคนาดา ชื่อ เดอะฮอลล์-เชลซี-แวกฟิลด์ เรียกตามชื่อเมืองที่ผ่าน



เนื่องจากเป็นที่นิยมตั๋วรถไฟจึงขายหมดเกลี้ยง ใครไม่ได้จองไว้ล่วงหน้าเป็นอันอด พวกเราครึ่งหนึ่งไม่ได้นั่งรถไฟก็ต้องนั่งรถทัวร์ไปรอรับพวกที่ขึ้นรถไฟในเมืองแวกฟิลด์ แต่อันนี้เราไม่ได้เสียใจเลยวิวสองข้างทางขณะนั่งรถทัวร์ไปนั้นสวยพอ ๆ กับนั่งรถไฟเลยแหละ ซ้ำยังเร็วกว่าเป็นชั่วโมง



เราใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สถานีปลายทางแวกฟิลด์โดยการถ่ายรูปรอ ไม่น่าเชื่อเลยว่าวิวของหมู่บ้านเล็ก ๆ ติกแม่น้ำกาตินัวทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดเควเบ็กจะสวยปานนี้ บ้านเล็ก ๆ สีสดใส ตัดกับใบไม้สีจัดในหน้าฤดูใบไม้ร่วงติดตราตรึงใจทุกคนที่ได้ไป




เวลาบ่ายสามโมงครึ่งแป๊ะ พวกที่นั่งรถไฟมาถึง ทุกคนรีบขึ้นรถเพื่อเดินทางไปยังเมาท์ทรอมบลองที่พักของคืนนี้ เมาท์ทรอมบลองเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาลอเรนเที่ยน อยู่ห่างจากเมืองมอนทริออลไปทางเหนือประมาณชั่วโมงครึ่งทางรถยนต์ แต่ก่อนมีชื่อเสียงในเรื่องของสถานที่เล่นสกีในหน้าหนาว แต่ตอนนี้ผู้คนก็มาตีกลอฟ์ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยานหรือเดินป่าในช่วงหน้าร้อนด้วย



ในฤดูใบไม้ร่วงเทือกเขานี้จะสวยงามเพราะสีสันของใบไม้ที่กำลังจะร่วงหล่น วิวสองข้างทางระหว่างขับรถไปเมาท์ทรอมบลองจึงสวยงามน่าประทับใจมาก ๆ


เวลาหกโมงตรงรถบัสมาถึงโรงแรมฮิลตันโฮมวูดสวีท ตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้วอีกทั้งอากาศก็เย็นมาก ห้องของโรงแรมถูกจองเต็ม มัคคุเทศน์บอกว่าพวกเราส่วนหนึ่งอาจจะได้เลื่อนชั้นเข้าไปอยู่ในห้องชุดของโรงแรม

เมื่อเราไปถึงห้องของเราถึงรู้ว่าเราเป็นหนึ่งในผู้โชคดีได้อัพเกรดเข้าพักห้องสวีทกับเขาในคืนนั้น ในห้องเป็นห้องนอนหนึ่งห้อง มีครัวเต็มชุด มีโต๊ะรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น และเตาผิงอันแสนโรแมนติก



คืนนี้เราต้องหาอาหารทานกันเอง โชคดีที่เราเตรียมอาหารมาจากบ้านกัน จึงใช้ครัวอุ่นอาหารและจานชามในห้องรับประทานอาหารเย็นกันครึกครื้นรื่นเริงสำราญใจ

มีต่อตอนต่อไป
To be continued..

Friday, October 12, 2007

Latin American food - อาหารเอลซัลวาดอร์

วันก่อนต้องไปซื้อของชำที่ร้านเวียงจันทร์เลยตั้งใจแวะไปทานอาหารเอลซัลวาดอร์รวม ๆ กับอาหารเม็กซิกันที่ร้านติดกันซะหน่อย เล็ง ๆ มาหลายทีแล้วโอกาสไม่เหมาะสักที

ร้านอาหารชื่อ Mi Puebla คิดว่าเจ้าของจะเป็นคนเอลซัลวาดอร์เลยเขียนป้ายว่าอาหารเอลซัลวาดอร์กะเม็กซิกัน คงเพราะคนรู้จักอาหารเม็กซิกันมากกว่าอีกทั้งอาหารก็คล้าย ๆ กัน

เป็นร้านขนาดไม่ใหญ่ตกแต่งแบบพื้น ๆ โต๊ะเก้าอี้เครื่องใช้ก็ธรรมดา ออกจะราคาถูกด้วยซ้ำ อาหารก็เป็นแบบโฮมเมดไม่ได้จัดแต่งจานหรูหราแต่อย่างใด


เราเริ่มต้นด้วยการสั่งเครื่องดื่มฮอร์ชาตา (In El Salvador, horchata is typically flavored with Morro (Calabash Tree) seed, ground cocoa and cinnamon as well as sesame seeds, and in some cases is strained) เนื่องจากมีส่วนผสมของผงโกโก้อยู่ด้วยเครื่องดื่มนี้จึงมีรสชาิติเหมือนช็อกโกแล็ตเย็นแต่ไม่หวานมาก เสริฟมาในแก้วพลาสติกสีเขียวขนาดใหญ่


จากนั้นก็มีซีวิเช่ (Ceviche is a form of citrus marinated seafood salad) สั่งแบบรวมมิตรทะเล เขาก็เอาพวกปลาหมึก หอย กุ้ง ปลาดิบ ๆ หั่นเป็นชิ้นเล็กปรุงรสด้วยมะนาว หอมสับ ใบหอมหั่นฝอย เกลือ มะเขือเทศสับ น้ำมะนาวทำให้พวกอาหารทะเลสุกเล็กน้อย รสชาติออกเปรี้ยว ๆ เค็ม ๆ เสริฟมากับขนมปังแคร็กเก้อร์กรอบ ๆ


แล้วก็มีชิชาโรน (Chicharrone) เป็นหมูติดมัน เรียกได้ว่าหมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นพอคำทอดจนกรอบเสริฟมาพร้อมกับมันสำปะหลังทอดกินกับอาจาดหรือโคล์ดสลวอร์ซี่งเป็นกะหล่ำปลีหั่นฝอยใส่หัวแครอทเล็กน้อยปรุงรสด้วยน้ำส้มกะเครื่องเทศนิดหน่อย กับซอลซ่ามะเขือเทศรสชาติใช้ได้ เราชอบหมูทอดอันนี้มาก ๆ เลยแหละ กรอบอร่อย ถึงมันจะเยอะก็เถอะ


นอกนั้นก็มีทาโก้ไส้เนื้อ (ไม่มีรูปมาให้ดูเพราะมันเบลอ แต่เห็นอยู่ลับ ๆ หลังสุดในรูปข้างล่างค่ะ) เสริฟพร้อมกับซ้อสถั่วแดงและผักกาดหอมซอย


ทั้งหมดนั้นเป็นอา่หารกลางวันกินกันสองคน ถ้าคุณไปซื้อของร้านเวียงจันทร์ลองแวะทานดูนะคะ ได้ลองทานอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ ค่ะ

Monday, October 08, 2007

Rural Ontario – ออนทาริโอไกลปืนเที่ยง

ออนทาริโอมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล โดยรวมแล้วใหญ่กว่าประเทศไทยทั้งประเทศ พื้นที่มีเนินสูงต่ำ มีทะเลสาบทั้งเล็กและใหญ่ มีแม่น้ำลำธารหลา่ยสาย ทำให้ดูสวยงาม



วันหยุดสุดสัึปดาห์ถ้าทำงานบ้านเสร็จแล้วและอากาศไม่เลวร้ายจนเกินไป เรามักจะไปขับรถเที่ยวนอกเมืองกัน สภาพธรรมชาติจะแตกต่างกันไปตามแต่ละฤดูกาล ทำให้มีภาพตามชนบทที่สวยงามต่างกันไปด้วย



บางแห่งมีฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นม้า วัว ทั้งวัวนมและวัวเนื้อ วัวสีขาวดำ หรือวัวสีน้ำตาลก็ให้ภาพออกมาสวยต่างกัน




ม้าตัวนี้อยู่ไกลต้องอาศัยซูมเอา ขนาดเราหลบ ๆ อยู่หลังต้นไม้มันยังสังเกตเห็นเราเลย



หรือแม้แต่คอกม้าเป็นแนวสวยตัดกันไปมาก็ยังน่าดูเป็นยิ่งนัก



หลังคาฟาร์มเฮาส์สีขาวตัดกับตัวเรือนสีเข้มตั้งอยู่บนเนินกลางทุ่งหญ้าเขียวขจีก็เป็นภาพอันหาได้ยากในเมืองไทย ที่นี่หาได้ไม่ลำบากขับรถจากตัวเมืองไม่กี่นาทีก็ได้เห็น



ม้วนฟางกลางทุ่ง ณ เมืองพอร์ทเครดิต ใกล้ทะเลสาบอีรี่ สวยจับใจ เป็นภาพกองฟางกลางทุ่งที่เราได้ถ่ายเป็นครั้งแรก


ข้า่วโพด ปลูกไว้สำหรับเลี้ยงสัตว์ เขาปล่อยให้ให้ฝักมันแห้งคาต้นก่อนเก็บเกี่ยว





บ้านนกแแบบเท่ ๆ ที่แม้แต่เรายังอยากเป็นนก



ชื่อถนน เช่น RR 1 (Rural Road 1) หรือ 15th Sideroad จะบ่งบอกว่าคุณอยู่ไกลเมืองมากเลยนะ แต่รถใส่ปุ๋ยพรวนดิน กลางทุ่งกว้างข้างถนน Elgin Mills ก็บอกว่าคุณอยู่ในชนบทได้อีกแบบ



ขับรถดูใบไม้ - Ontario Fall drive

ปีนี้เป็นปีพิเศษ พิเศษอย่างไรเหรอ ก็อุณหภูมิตอนสัปดาห์แห่งเทศกาลขอบคุณพระเจ้านั้นปาขึ้นไปเกิน 20 องศา ตั้งแต่มาอยู่นี่กว่าสิบปีไม่เคยเกิดขึ้นเลย เมื่ออากาศดี ใจก็สบาย ไปขับรถรถชมใบไม้ตามชนบทกันดีกว่านะ



หลังจากแอบหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ทติดต่อกันมาหลายวัน เราเลือกที่จะขับรถขึ้นเหนือเฉียงไปทางทิศตะวันตก จากบ้านก็ขับขึ้นทางหลวง 401 ไปทิศตะวันตกก่อนจะเปลี่ยนเข้าไปทางหลวง 400 เพื่อขึ้นเหนือต่อไป จากนั้นออกจากทางหลวง 400 ขับไปทางทิศตะวันตกอีกทีบนทางหลวงหมายเลย 9 (เลขโชคดีของไทย)



บนทางหลวงหมายเลข 9 ใกล้ ๆ กับทางหลวง 400 นี้เป็นฟาร์มแลนด์ ที่เรียกอย่างนี้เพราะเห็นไร่พืชผักสวนครัวสีเขียวชะอุ่มอยู่ข้างทาง แต่ละฟาร์มมีขนาดใหญ่กว้างสุดลูกหูลูกตา เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ดูเพราะหยุดรถลำบาก เีดี๋ยวถูกรถข้างหลังชนเอา ไม่คุ้มกัน




เราตั้งใจขับรถไปเที่ยว Hockley Valley, Orangeville ก่อนไปสิ้นสุดที่ Caledon ทางไป Hockley Valley นั้นก็ขับไปทางหลางหมายเลข 9 เลี้ยวขวาสู่ถนน 4th Line ถนน 4th Line ก่อน เลี้ยวเข้าถนน Hockley Valley Rd. ในช่วงฤดูใบไม้ัร่วงนั้น เป็นช่วงถนนที่สวยที่สุดเท่าที่เราเคยขับมา


เนื่องจากถนนคดเคี้ยว กลางหุบเขาเตี้ย ๆ มีต้นไม้หลากชนิดสองข้างทาง เห็นเป็นสีเหลืองบ้าง ส้มบ้าง และแดงบ้าง กอร์ปกับใบไม้แห้งหล่นเกลื่อนใต้ต้น สวยยิ่งกว่าภาพของจิตรกรใด ๆ ในโลก



บนถนน Hockley Valley Rd มีทางเดินป่าชมไม้ ผู้คนเยอะแยะจูงลูกจูงหลานมาเดินเล่นในวันอากาศดี ครั้งนี้เราต้องขอผ่านเอาไว้โอกาสหน้าค่อยมาเดิน


จาก Hockley Valley สู่ Orangeville ผ่านไป Caledon Village เราใช้ทางหลวงหมายเลข 10 หรือ Hurontario street วิวไม่สวย มีแต่รถเต็มไปหมด แต่พอเลี้ยวเข้าถนน The Grange Sideroad วิวก็เปลี่ยนเป็นชนบทอีกทีหนึ่ง มีคอกม้า มีฟา่งเป็นม้วน ๆ มีเนินสูงต่ำสวยงาม


ลัดเลา่ะมาถึง Airport Road. เป็นอันหมดกัน รวมเวลาขับจากบ้านและจอดถ่ายรูปข้างทางประมาณสองชั่วโมงครึ่ง เป็นเวลาที่มีความสุข ได้ภาพประทับใจ ซึ่งจะจดจำไปอีกนาน

Friday, September 28, 2007

Colours at the Don

Having to drive on The Don Valley Parkway everyday, I always admire the colours of the leafs along the Don River in the Fall.

With so many different kinds of trees, they give out vibrant colours of yellow, orange, red and brown.

โชคดีที่ได้ขับรถไปทำงานทุกวันบนทางหลวงดอนวาลเล่ย์พาร์คเวย์ เพราะตอนฤดูใบไม้ร่วงใบไม้จะงามมากค่ะ ดูรูปสิคะ คุณเห็นด้วยหรือเปล่า

Lawrence Avenue East over the Don Valley Parkway



Ramp onto the Don Valley Parkway from Lawrence Avenue East




The entrance to the Charles Sauriol Conservation Area on Lawrence Avenue East


From the Charles Sauriol Conservation Area



Taylor Creek Park (Don Mills Road and Don Valley Parkway)

Thursday, September 27, 2007

Ontario Fall Colours

ฤดูใบไม้สวยในออนทาริโอ



เขาว่ากันว่าใบไม้ในออนทาริโอในฤดูใบไม้ัร่วงนั้นสวยที่สุดในโลก เนื่องจากว่าออนทาริโอมีป่าไม้อันหนาแน่นและประกอบไปด้วยพันธุ์ไม้หลากชนิดที่ให้สีสรรต่างกันไป ทั้งเขียว เหลือง น้ำตาล ส้ม แดง หรือม่วง กอร์ปกับลักษณะภูมิกายภาพอันสูงต่ำปน ๆ กันไป ทำให้เกิดภาพวิวอันสวยงาม




ใบไม้จะเปลี่ยนสีจากทางเหนือลงมาเรื่อย ๆ แต่ช่วงที่สีจัดที่สุดอยู่ได้ไม่เกินอาิทิตย์ก็ร่วงหล่น ยิ่งถ้ามีฝนตกยิ่งหล่นเร็วหัวโกร๋น บริเวณที่สวยสุดก็อยู่ค่อนข้างไปทางเหนือซึ่งแบ่งเป็นเขตต่าง ๆ ได้คร่าว ๆ คือ Algonquin Parkม Muskoka, Haliburton, Ottawa Valley, Georgian Bay Area, North Bay, Sudbury, Timmins, Temiskaming, West Nipissing, Central Ontario, Sault Ste Marie, และ Algoma Region





ช่วงฤดูใบไม้ร่วงทางรีสอร์ทต่าง ๆ ก็มีโปรแกรมพิเศษสำหรับผู้ที่ชอบดูใบไม้สวย ๆ จะไปทางไหนก็ได้ จะตีกอล์ฟ ควบคู่ไปกับสปา หรือดินเนอร์ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนโรแมนติกก็ดี ระหว่างทางก็สนุกไปกับฟอลล์แฟร์ตามเมืองเล็ก ๆ


แต่ถ้าไม่อยากขับรถขึ้นเหนือก็อยู่แถว ๆ โตรอนโตนี้ก็สวย หน้านี้ก็ขับรถไปเรื่อย ๆ ใบไม้สีสวยมีให้เห็นทั่วไปทั้งในเมืองและนอกเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าขับรถอยู่บนทางหลวงเลียบแม่น้ำดอนเข้าสู่ตัวเมือง Don Valley Parkway


สัปดาห์ก่อนเราก็ไปตีกอล์ฟนอกเมือง เลยได้มีโอกาสหาภาพสวย ๆ มาฝากได้มั่ง ว่าง ๆ ไปขับรถชมใบไม้กันนะคะ




แถมดอกไม้ป่าสวย ๆ ข้างทางให้อีกรูปหนึ่ง

Wednesday, September 12, 2007

วันสบายที่โตรอนโต

คงเคยได้ยินคำพังเพยใกล้เกลือกินด่างนะคะ เรามักจะนิยมชมชอบการไปเที่ยวที่อื่น ๆ แทนที่จะเที่ยวบ้านเราเอง


วันนี้โอกาสดีจัง ขับรถผ่านชายทะเลสาบในตัวเมืองโตรอนโต (Toronto Waterfront) เห็นว่าอากาศดีอุณหภูมิประมาณ 21 องศาเห็นจะได้ ลมพัดอ่อน ๆ ตะวันหลบอยู่หลังเมฆ กลางวันวันพุธไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่าน จึงแวะเดินเล่นเสียหน่อย


ในน้ำเต็มไปด้วยเรือยอช์ทน้อยใหญ่ หลากสีสัน ส่วนใหญ่ทำจากไฟเบอร์กลาสสมัยใหม่ แต่มีบางลำทำจากไม้ทั้งลำ ดูเท่ไปอีกแบบ


แนวแท่งซีเมนต์โผล่ขึ้นมากลางน้ำ เป็นแหล่งที่นกต่าง ๆ พากันมาเกาะพัก โดยเฉพาะ Cormorant สีดำตัวใหญ่ เรียงแถวกันเป็นฝูง เสียดายที่อยู่ไกลไปหน่อย เลยเห็นแค่จุดสีดำเรียงแถวอยู่หลังเรือสีแดงข้างล่างนี้


ชายหาดเต็มไปด้วยนกนานาชนิด ห่านแคนาดามาเป็นฝูง บ้างว่ายน้ำ บ้างดำน้ำหาอาหารหัวจมดิ่ง บางหลับตาพริ้มอยู่บนหาด


นกพิราบสีเทาเขียวก็แอบมาสูดอากาศบริสุทธิ์กับเขาด้วย



ถัดออกไปนกนางนวลอาบแดดกลางหาด มองเห็นเป็นจุดสีขาวเต็มไปหมด เวลาเห็นนกนางนวลบินว่อนอยู่กลางอากาศหลบ ๆ หน่อยนะคะ เดี๋ยวโดนกระสุนน้ำเหลว ๆ หล่นลงมาให้เหม็นเล่น


บนบกเห็นกระรอกตัวอ้วน หางปุย ขุดดินกลบถั่วที่หาได้ไว้กินตอนหน้าหนาว ช่างคุ้นเคยกับมนุษย์แทบไม่หลบหนีเลย


หมาเยอรมันเชปปาร์ดตัวใหญ่ิวิ่งเล่นใกล้ ๆ เจ้าของ ช่างมีความสุขกันทั้งคู่


ไกลออกไปมีอนุเสาวรีย์หิน Inukshuk โดดเด่นเป็นสง่า ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่น่าแปลกที่เราจะหาความสงบได้ง่ายเช่นนี้