Sunday, October 18, 2009

บันทึกจากอังกฤษ 1 - London I

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เครื่องลงที่สนามบิน Heathrow ประมาณ แปดโมงครึ่ง คนเยอะมาก ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง รอกระเป๋าเสร็จก็ประมาณ เก้าโมงครึ่งเข้าไปแล้ว ตัดสินใจเดินขึ้นแท็กซี่แทนการใช้รถใต้ดิน เพราะต้องไม่อยากเข็นกระเป๋าสัมภาระรุงรัง
จากสนามบินถึงโรงแรมใช้เวลาประมาณ 45 นาที เสียค่าแท็กซี่ไปโขอยู่ ตัดสินจากระยะทางแล้วก็แพงกว่าโตรอนโตนิดหน่อย



แท๊กซี่ที่นี่ออกแบบพิเศษ เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของลอนดอนไม่มีกระโปรงหลัง ที่นั่งผู้โดยสารอยู่หลังสุด ระหว่างคนขับกับผู้โดยสารเป็นที่วางสัมภาระ นั่งแล้วกลัวคนวิ่งมาชนสุด ๆ

โรงแรมของเราชื่อ Rubens at the palace ชื่อเป็นอย่างนั้นก็เพราะมันตั้งอยู่ข้าง Buckingham Palace นั่นเอง เพราะมาถึงเช้าไปหน่อย ห้องยังไม่เรียบร้อย เลยเช็กอินไม่ได้ ต้องทนใส่เสื้อผ้าชุดเดิม น้ำก็ไม่ได้อาบ ออกไปเดินเที่ยวในวันแรก วันนี้อากาศเย็น เมฆเต็มฟ้า แสงอาทิตย์ส่องมาไม่ถึง เลยยิ่งเย็นเข้าไปใหญ่



เวลาในโตรอนโตขณะนี้ก็ประมาณ ตีห้าครึ่ง ที่นี่ก็สิบโมงครึ่งแล้ว ตาไม่อยากเปิด ท้องมันวูบวาบอย่างไรก็ไม่รู้ เดินผ่านศูนย์การค้าใกล้โรงแรมเลยแวะหา Latte ดื่มกับ Croissant หอมนุ่มชุ่มเนยกินเติมพลัง อร่อยสะใจ แต่ไม่ต้องถามว่าได้พลังงานเท่าใด ใกล้ ๆ ร้านกาแฟมีร้านอาหารเท่ ๆ หลายร้าน คงมีโอกาสแวะมากินแน่นอน เพราะอยู่ลอนดอนตั้งหลายวัน



เดินอีกสองนาทีก็ผ่าน Westminster Cathedral แต่แสงไม่สวยเลยไม่ได้ถ่ายรูป ต้องมาถ่ายวันหลัง
ผ่าน Central Hall หลังคาโดมสวย



จากนั้นก็เดินต่อไป Westminster Abbey วิหารที่สำคัญของราชวงศ์อังกฤษ



King Edward สร้างวิหารนี้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1066 เกือนหนึ่งพันปีผ่านไปมันก็ยังคงอยู่ ช่างน่าทึ่งจริง ๆ
ข้างนอกมีรายละเอียดสวยงามมาก ซุ้มประตูเป็นรูปปูนปั้นลายนูนน่าชม เสียดายไม่มีแดด ภาพเลยไม่แจ่ม



เราไม่ได้เข้าไปข้างในอยากเดินต่อไปข้างนอกให้หายง่วง



ปฏิมกรรมภายนอกของ Westminster Abbey ด้านที่ติดกับ Houses of Parliament เหมือนกันเป๊ะ ตั้งอยู่ตรงข้ามถนนดูสวยเป็นสง่า



ข้าง ๆ เป็น The Jewel Tower หรือ 'King's Privy Wardrobe' สร้างขึ้นมาเพื่อเก็บสมบัติของกษัตย์แอ็ดเวิร์ดที่สาม เป็นตึกเก่า ๆ เรียบ ๆ แต่เราว่าเท่ดี



ข้ามถนนไปก็เป็น Houses of Parliament สวยงามน่าชม นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันฉับ ๆ



ด้านใต้สุดเป็น Victoria Tower หอรูปสี่เหลี่ยมที่สวยงาม มีความสูงมากกว่าหอนาฬิกาทางด้านหน้าเล็กน้อย



ข้างนอกมีตำรวจพร้อมอาวุธครบมือรักษาความปลอดภัยเต็มไปหมด ไม่รู้เขาเป็นอย่างนี้ทุกวันหรือเฉพาะวันนี้วันพิเศษ



ปลายสุดด้านเหนือของ Houses of Parliament แน่นอนเป็นที่ตั้งของ หอนาฬิกาอันสวยงามที่มีชื่อของลอนดอน ที่ทุกคนรู้จักกันว่า Big Ben ซึ่งเป็นชื่อของระฆังบนหอ



ณ จุดนี้มีสะพาน Westminster สะพานธรรมดา ๆ ข้ามแม่น้ำเธมส์ ตรงกลางสะพานมีคนมาเป่าไปป์ ให้ความบันเทิงกับนักท่องเที่ยว



อีกฝั่งแม่น้ำเป็นที่ตั้งของ London Eye ที่เราเรียกว่าชิงช้าสวรรค์แก้วขนาดใหญ่ สูงตั้ง 135 เมตร



ตู้แก้วแต่ละอันจุคนได้ 25 คน เอาไว้สำหรับชมวิวเมืองลอนดอน เราไม่ได้ขึ้นเพราะอย่างที่บอกว่าแดดไม่มี ดูอะไรก็ไม่ค่อยสวย



กลางสะพานมองย้อนมาจะได้ภาพของ Houses of Parliament และ Big Ben เป็นชิ้นเดียวกัน ภาพนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งหลาย



เราเดินเป็นวงกลมเพื่อย้อนกลับมาโรงแรม ทีนี้เราจะผ่านสถานที่ทำงานของรัฐบาล แล้วตัดผ่าน St. James's Park สวนใหญ่กลางเมืองลอนดอน ในสวนยังพอมีดอกไม้ให้ชมบ้างแต่เป็นปลายฤดูแล้ว ไม่ค่อยสวย



แต่มีนกอยู่มากมายหลายชนิด ส่วนใหญ่อาศัยอยู่รอบ ๆ สระน้ำใหญ่กลางสวน



บางคนก็เอาอาหารมาให้นก บางคนเอาอาหารมาให้กระรอก



นกกระทุงสีขาวสี่ตัวอวดโฉมให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปข้างสระ



ออกจากสวนก็มาถึง Buckingham Palace ที่เราจะมาดูการสวนสนามเปลี่ยนเวรรักษาพระองค์พรุ่งนี้



ถึงโรงแรมเวลาประมาณเที่ยงครึ่งห้องก็ยังไม่เรียบร้อย เลยต้องไปหาข้าวกินฆ่าเวลา เลือกร้านใกล้ร้านกาแฟเมื่อเช้านี้ เป็นร้านอาหารสเปน เราเลยสั่งTapas ซึ่งเป็นอาหารเสริฟมาในจานเล็กจานน้อยมาเป็นอาหารกลางวัน ซึ่งโชคดีเขามีโปรโมชั่นพิเศษ Tapas 5 จานสำหรับสองคน แค่ 10 ปอนด์เท่านั้น ที่ลอนดอนนี่ราคาเครื่องดื่มแพงพอสมควร เบียร์แก้วหนึ่ง เกือบสี่ปอนด์ ไวน์แก้วเล็กเกือบห้าปอนด์



ทานข้าวเสร็จเช็กอิน ต้องรีบนอน เพราะไม่ค่อยสบายเป็นหวัดเล็ก ๆ มาแต่เมื่อวาน อีกทั้งเวลาเปลี่ยน นอนไม่พอ กลัวมันจะแย่กว่าเดิม



ประมาณหกโมงเย็น ทางโรงแรมส่งแชมเปญกับของว่างมาให้ ไม่ได้ดื่มคงต้องเก็บไว้วันต่อไป สรุปว่าครึ่งวันหลังไม่ได้ทำอะไรเลย ต้องรักษาตัวไว้เพื่อวันต่อไป ส่วนบุคคลอันเป็นที่รักก็ให้ไปหาอาหารเย็นกินเอง คุณเธอลงไปทานปลาทอด (Fish and chips) ที่ร้านอาหารของโรงแรม เห็นว่าปลาสด ทอดไม่อมน้ำมัน อร่อยมาก

No comments: