Sunday, October 25, 2009

บันทึกจากอังกฤษ 4 - Hampton Court Palace

วันพุธที่ 14 ตุลาคม 2552

วันนี้เราจะไปเยี่ยมชมพระราชวังแฮมป์ตันคอร์ท (Hampton court palace) อยู่ไม่ไกลจากบ้านที่เราพักอยู่นัก ขับรถประมาณ 40 นาทีก็ถึง จริง ๆ แล้วน่าจะใช้เวลาน้อยกว่านี้ แต่เพราะถนนที่นี่แคบมาก ส่วนใหญ่มีแต่สองเลนเท่านั้น ทำให้ใช้เวลาขับนานมาก



พระราชวังแฮมป์ตันคอร์ทสร้างขึ้นโดย Thomas Wolsey ตั้งแต่ปี 1514 และมีการต่อเติมพระราชวังมาเรื่อย ๆ แต่นั้นมา



พอถึงปี 1529 เพราะเขาไม่สามารถโน้มน้าวพระสันตปปาเพื่อทำให้การแต่งงานของพระเจ้าเฮนรี่กับพระนางแคทารีนแห่งอารากอนกลายเป็นโมฆะได้ พระเจ้าเฮ็นรี่จึงปลดเขาออกจากตำแหน่งและแย่งชิงวังนี้มาเป็นของตัวเอง นับแต่นั้นเรื่องราวประวัติศาสตร์ ความรัก ความใคร่ต่าง ๆ ได้เกิดขึ้นมากมายที่พระราชวังนี้ อันนี้ต้องไปหนังหรือหนังสือเรื่อง The other Boleyn Girl มาอ่าน จะได้ความรู้ส่วนหนึ่งด้วย



พระราชวังแฮมป์ตันคอร์ทประกอบด้วยพระราชวังหลักสองแบบ ที่สร้างต่างยุคกันคือพระราชวังอิฐสีแดงสมัยทิวดอร์ (Rose red brick Tudor Palace)



และพระราชวังสมัยบาโร๊ก (Baroque Palace) ที่มีสวนสวยอยู่รอบ ๆ



ส่วนของพระราชวังทิวดอร์มีจุดเด่นอยู่ที่ปล่องไฟประดับ ที่นับแล้วได้ทั้งสิ้น 241 ปล่อง ลวดลายสวยงาม มองแล้วไม่เบื่อ



เราเดินชมพระราชฐานของพระเจ้าเฮนรี่ที่แปด (Henry VIII) ที่สวยงาม ท้องพระโรงประดับด้วยกระจกสีสวย เพดานสูงมีลวดลายสง่างาม



อีกทั้งฝาผนังตกแต่งด้วยผ้าทอลายซับซ้อนสวยงาม



ที่นี่มีละครสดให้ดูทุกวัน จัดเป็นฉากแต่งงานของพระเจ้าเฮ็นรี่ที่แปดกับแคเทอรีน พารร์ (Kateryn Parr) พระมเหสีคนที่หกและคนสุดท้าย



เราสามารถเดินดูครัวขนาดใหญ่ที่ทำอาหารให้แก่คนทั้งวัง ห้องหับที่ประทับต่าง ๆ ที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงามเลิศหรู หรือเรียบง่ายหลายสไตล์



บางห้องมีภาพเขียนสวยงาม



บางห้องมีเครื่องลายครามสวย ๆ อย่าง แจกัน Delftware tulipiere ที่สวยงามและมีขนาดใหญ่ใบนี้



ในส่วนของพระราชวังแบบบาโร๊ก สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้า James II มีหน้าต่างกลมสวยงาม



ล้อมรอบด้วยสวนสวยที่สร้างไม่เสร็จเพราะมีปัญหาเรื่องงบประมาณ



เรานั่งรถม้าชมสวนด้วย วันนั้นนักท่องเที่ยวไม่เยอะ เลยได้นั่งรถม้าเป็นการส่วนตัว เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นปนมาด้วย มีไกด์บรรยายประวัติของสวนและพระราชวังให้ฟังอย่างคร่าว ๆ ตลอดระยะเวลา 12 นาที



ที่สวนยังมีเรือนกระจกสำหรับเถาองุ่นอายุ 240 ปี มีลำต้นขนาดเท่าต้นไม้ ซึ่งยังคงออกผลดกต้องใช้เวลาประมาณสามอาทิตย์ในการเก็บเกี่ยวอีกด้วย



จบการเดินเที่ยววัง เราเดินมาทางสถานีรถไฟที่ต้องข้ามแม่น้ำเทมส์ ข้างหน้าของสถานีรถไฟเป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและผับ มีแม้กระทั่งร้านอาหารไทย แต่ทริปนี้เราขอเว้นไปก่อน ตกลงเลือกร้านอาหารอิตาลี่ตั้งอยู่สุดแถว ร้านหรู อาหารอร่อย บริการดีมาก ๆ วันนั้นเราปิดท้ายอาหารกลางวันตอนบ่ายด้วยคาร์ปูชิโนถ้วยอร่อย เป็นการสิ้นสุดอาหารอิตาลี่ที่สมบูรณ์แบบ

No comments: