Sunday, March 02, 2008

Sint Maarten trip - ตอนที่ 3

Anguilla ไปเที่ยวเกาะอันกวิลล่ากัน

ทริปนี้เป็นหนึ่งในทริปที่จะคงอยู่ในความจำของเราไปนานเลยที่เดียว



เช้าวันศุกร์วันรองสุดท้ายของเวเคชั่นบนเกาะสวรรค์ เราตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปเที่ยวอาณานิคมของประเทศอังกฤษเกาะอันกวิลล่า ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะเซ้นท์มาร์ติน เราสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากโรงแรมที่เราพักอยู่ แต่เพราะเราต้องไปกับกรุ้ปทัวร์ต้องไปลงเรือยังฝั่งดัชท์ ซึ่งเป็นตอนใต้ของเกาะเซ้นท์มาร์ติน ทำให้เวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้นเพราะต้องนั่งเรืออ้อมเกาะมาอีกไกล



รถโดยสารปรับอากาศมารับเราีที่โรงแรมเวลาประมาณ 7.30 น แล้วพาไปลงทะเบียนและทานอาหารเช้า ซึ่งเป็นครัวซองท์หรือแดนิสกับชาหรือกาแฟ ซึ่งอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ



เราไปลงเรือกันที่ท่าเรือใกล้ ๆ กับ Philipsburg ใกล้ ๆ กับ ที่ ๆ มีเรือสำราญขนาดใหญ่มาเีทียบท่า พาหนะที่พาเราไปเกาะอันกวิลล่าวันนี้เป็นเรือ Catamaran ขนาดใหญ่ ติดเครื่องยนต์และใบชักลมด้วย มีบาร์เครื่องดื่มอยู่ตรงกลาง ม้าเก้าอี้ยาวสำหรับนั่งติดตั้งอยู่เรียงราย กัปตันใจดีเป็นหนุ่มฝรั่งเศส หน้าตาดี ถึงไม่ค่อยหนุ่มแล้ว แต่ยังกระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว



จริง ๆ แล้วเรือนี้น่าจะจุคนได้เป็นร้อย แต่วันนั้นมีผู้โดยสารทั้งสิ้นแค่ 38 คน เลยทำให้มีที่ว่างเยอะแยะ นั่งเล่น นอนเล่นสบาย ๆ กัน กับตันสตาร์ทเครื่องยนต์ออกเรือเวลา 9.00 น เป๊ะ จากเซ้นท์มาร์ตินไปยังอันกวิลล่า เราจะใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นหนึ่งชั่วโมงสามสิบนาที นั่งมองทิวทัศน์ของเกาะจากบนเรือ เกาะซ้นท์มาร์ตินเป็นภูเขาสูงต่ำไล่เลี่ยกันไป มีบ้านเรือนสิ่ิงปลูกสร้างหลากสีสันตามไหล่เขา เป็นระยะ ๆ



ทุก ๆ อ่าวจะมีเรือจอดอยู่ เห็นเสากระโดงเรือโด่เด่ สวยไปอีกแบบ นี่แหละทิวทัศน์เจนตาของทะเลแคริบเบี้ยน

สองข้างด้านหน้าของเรือเป็นตาข่ายขึงเอาไว้นอนเล่น แต่ละข้างรับน้ำหนักได้ไม่เกิน 6 คน เรานอนเล่นอย่างสงบอยู่ในตาข่ายด้านซ้ายมือของเรืออยู่คนเดียว เสียงวี๊ดว้ายจากผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่อีกข้างเมือเรือเริ่มแล่น เพราะน้ำกระเด็นเซ็นซ่าพวกเธอนั่งอยู่ติดขอบด้านขวาของตาข่าย เรานอนอยู่ค่อนข้างตรงกลางเรือเลยไม่เปียก



พอพ้นจากชายฝั่งพอควร ลมเริ่มแรง กัปตันเลยชักใบขึ้น เพื่อประหยัดน้ำมัน เหมือนในหนังเรื่อง Water world เปี๊ยบ ณ บนเรือนี้เป็นเวลาที่เรานั่งฝันว่าตัวเองกำลังอยู่ในหนัง มี Kevin Costner เป็นกัปตันพาเราล่องลอยไปในพื้นน้ำสีคราม ครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เราได้สัมผัสใกล้ชิดกับเรือ Catamaran จึงอยากจะซึมทราบความทรงจำไว้ให้นานที่สุด



ร่วมมาในเรือ คือตากล้องรายการสารคดีหนึ่งจากเมืองมอนทริอัล (แคนาดา) เขาขอให้พวกเราเซ็นต์ยินยอมเป็นส่วนร่วมในการถ่ายทำครั้งนี้ ซึ่งทุกคนก็ยินดี หวังว่าเราคงไม่หลุดไปในรายการ girls gone wild หรืออะไรเทือกนั้นนา

หนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไปไวเหมือนโกหก เรือได้มาถึงอาณานิคมของอังกฤษ เกาะอันกวิลล่า ในขณะที่ภูมิประเทศของเกาะเซ้นทมาร์ตินเป็นภูเขาสูงต่ำ เกาะอันกวิลล่าเป็นเพียงแผ่นดินราบ ๆ ไม่ีมีเขาสูงเลย หาดทรายกว้างสีขาว น้ำทะเลสีฟ้าใส เตะตา ที่นี่ไม่ค่อยพลุกพล่านเหมือนเกาะเซ้นท์มาร์ติน



หลังลงเรือเล็กเข้าฝั่ง มีรถบัสมารับพวกเราไปยังวนอุทยานแ่ห่งชาติ Shoal Bay ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ ตามโปรแกรม พวกเราจะได้ดำน้ำตื้น ว่ายน้ำ และนอนเล่นบนหาดที่นั่น ระหว่างทางจะสังเกตบ้านเรือนหลังเล็ก ๆ เหมือนแถบภาคใต้ของไทย ต้นไม้ ใบไม้ก็เกือบจะเป็นพันธุ์เดียวกัน



ในวนอุทยานแ่ห่งชาติ Shoal Bay มีหาดทรายกว้าง น้ำใส แต่วันนั้นคลื่นค่อนข้างแรง เนื่องจากทรายละเอียดและเปลือกหอยบดกระจัดกระจายในน้ำ ทำให้เสียวิสัยทัศน์ในการดำน้ำตื้น คงได้แต่ว่ายน้ำ เดินเล่นตามชายหาด และนอนอาบไอแดดกลางหาดทรายขาว



อาหารกลางวันเป็นไก่ย่างชาวเกาะ อร่อยแต่ไม่สะใจ เราต้องสั่งแกงหอยสังข์แบบทรินิแด๊ดมาเพิ่ม รสชาติจัดจ้าน เผ็ดถึงใจ อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่ามาถึงเกาะจริง ๆ และนั่นเป็นแกงแคริบเบี้ยนที่อร่อยที่สุดในทริปนี้เลยแหละ



บ่ายสามโมงตรงรถมารับกลับเรือ จริง ๆ แล้วขับประมาณ 30 นาทีก็ถึง แต่เนื่องจากมีิอุบัติเหตุบนท้องถนน ทำให้้ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ระหว่างนั้นเป็นเวลาเลิกเรียนพอดี คนขับรถบัสชี้ให้เห็นสีของเครื่องแบบนักเรียนประถมที่นี่ซึ่งจะเป็นสีเดียวกับสีประจำโรงเรียนของแต่ละโรงเรียน เนื่องจากรถติดตากล้องสารคดีของเราเลยได้มีโอกาสได้ถ่ายภาพของเด็ก ๆ ในโรงเรียน ถูกรุมล้อมเสียยกใหญ่ เด็ก ๆ ดูมีความสุขมาก ๆ ที่ได้เข้ากล้องวีดีโอ



กลับถึงเรือประมาณสี่โมงครึ่ง แอบมองเข้าฝั่งมีคนขี่ม้าเลียบหาด ดูมีความสุขดีจัง



ขากลับลูกเรือทุกคนดูมีความสนิทสนมกันดี พูดคุยกันยกใหญ่ ใบเรือถูกชักเมื่อออกจากฝั่งได้ไม่นาน คลื่นสีขาวกระทบสองข้างของเรือ คนไหนนั่งใกล้ตาข่ายหน้าเรือก็เปียกปอนไปตามระเบียบ ถึงกระนั้นผู้คนก็ยังหัวเราะมีความสุขท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม



ใบเรือถูกเก็บลงเมื่อใกล้ฝั่ง พระอาทิตย์คล้อยต่ำ ส่งแสงสีแดงเรื่อขอบฟ้า หกโมงเย็นทุกคนก้าวออกจากเรือ พระอาทิตย์อัสดง ลาก่อน Catamaran วันหนึ่งเราอาจได้พบกันอีก

No comments: