Sunday, June 08, 2008

Toronto

Toronto ตั้งอยู่ข้างทะเลสาบออนทาริโอ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดา เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การเิิงิน ที่สำคัญเมืองหนึ่งของทวีปอเมริกาเหนือ



ตัวเมืองโตรอนโต เป็นตึกรามผสมระหว่างตึกเก่าและตึกใหม่ ทำให้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง สถานที่ที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวมีดังนี้


บนถนนฟรอนท์ (Front Street) เป็นที่่ตั้งของ ซีเอ็นทาวเวอร์ (CN Tower)



เพราะมีความสูงถึง 553.33 เมตร



จึงครองตำแหน่งตึกที่สูงที่สุดในโลกมาถึง 32 ปี ระหว่างปี 1975 – 2007



คนโตรอนโต ชอบกีฬาเบสบอลล์ ข้าง ๆ ซีเอ็นทาวเวอร์ จึงมีสนามเบสบอลล์สำหรับทีมประจำเมือง โตรอนโตบลูเจย์ (Toronto Blue Jay)



เรียกว่า โรเจอร์เซ็นเตอร์ – Roger Center (ชื่อเดิม สกายโดม)หลังคาเปิด-ปิดได้ - ภาพนี้โชว์หนังคาเปิด



ถัดออกมาทางทิศตะวันออกถนนสายเดียวกัน มีสถานีรถไฟยูเนี่ยน



ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับโรงแรมเก่าแก่ Royal York



ถัดมามีฮ็อกกี้สถาน (Hockey Hall of fame) ตัวตึกเคยเป็นธนาคารเก่าแก่ แสดงประวัติของกีฬาฮ็อกกี้น้ำแข็ง ทั้งเรื่องของทีม ผู้เล่นที่สำคัญ รางวัลต่าง ๆ มีผู้คนมาแวะชมมากมายในแต่ละวัน



ข้างหน้าตึกเป็นรูปปั้นโลหะของเด็ก ๆ ห้าคนแต่งการในชุดกีฬาฮ็อกกี้พร้อมอุปกรณ์เสร็จสรรพ ที่ซึ่งเด็ก ๆ รวมทั้งผู้ใหญ่ที่เป็นแฟนกีฬาประเภทนี้มายืนถ่ายรูปข้าง ๆ เป็นประจำ



เดินต่อไปเรื่อย ๆ บนถนนสายเดียวกันจะเห็นตึกอิฐสีแดงรูปสามเหลี่ยมสวย ๆ มีชื่อเรียกว่า เฟลตไอออน (Flatiron) ซึ่งสร้างในปี 1891 เป็นเวลา 10 ปีก่อนตึกชื่อเดียวกันในนิวยอร์กซึ่งดูจะมีชื่อเสียงมากกว่า แต่ความเห็นส่วนตัว เราว่าตึกนี้ในโตรอนโตสวยและมีเสน่ห์กว่าตึกในนิวยอร์กเยอะเลย



จากนั้นไปอีกสองสามก้าวจะเห็นเซ้นท์ลอเร้นซ์มาร์เก็ต (St. Lawrence Market) หนึ่งในสถานที่ขายเบเกอรี่ ผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ รวมทั้งของที่ระลึก ที่เป็นที่นิยมของคนโตรอนโตและถิ่นใกล้เคีียง



ข้างในเหมือนตลาดบ้านเราเพียงแต่ว่าสะอาดกว่า เนื้อสัตว์และอาหารทะเลเรียงเป็นตับ



อาหารพร้อมทานเรียงรายมากมาย ดูน่ากินเป็นหนักหนา ที่มีชื่อเสียงเป็นแซนด์วิชเนื้อเบคอนหลัง (Back Bacon Sandwich)



ถนนเบย์ (Bay Street) เป็นถนนสายธุรกิจการเงินของโตรอนโต เปรียบได้กับ วอลล์สตรีทของนิวยอร์กนั่นเอง มีบริษัทการเงิน การธนาคารมากมาย ตั้งอยู่บนถนนสายนี้ ดังนั้นร้านอาหาร บาร์เครื่องดื่มจะดูหรูและราคาแพง สำหรับบริการนักการเงิน การธนาคารกระเป๋าหนักโดยเฉพาะ เชฟชื่อดังคนหนึ่งถึงขาย Sirloin เบอร์เกอร์พร้อมมันฝรั่งทอดราคากว่า 30 เหรียญ ได้สบาย ๆ



ในฤดูร้อนร้านอาหารเกือบทุกร้านจะเปิดระเบียง (Patio) ผู้คนจะมาใช้บริการหลังเลิกงาน สังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานซักนิดก่อนกลับบ้าน



ที่ถนนเบย์ตัดกับถนนควีน เป็นที่ตั้งของศาลากลางโตรอนโตทั้งตึกเก่าและตึกใหม่
ศาลากลางตึกเก่าสร้างขึ้นในปี 1899 มีหอนาฬิกาสูงเด่นเห็นได้ชัดเจนบนถนนเบย์มองจากทะเลสาบออนทาริโอ



ศาลากลางตึกใหม่สร้างขึ้นในปี 1965 เป็นตึกรูปโค้งสองตึก หันหน้าเข้าหากัน



ถ้าคุณสนใจตึกเก่า ๆ ที่มหาวิทยาลัยโตรอนโต ซึ่งถูกก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1827 มีตึกรามที่น่าใจให้ชมดูมากมายหลายตึก นอกจากนั้นยังมี ปราสาทคาซา โลม่า ซึ่งถูกสร้างมาแต่ปี 1911



นอกนั้นก็มี พิพิธภัณฑสถาน อา์ร์ทแกลอรี่

ถ้าชอบช้อปปิ้ง นอกจากร้านรวงต่าง ๆ เรียงรายบนถนนยังแล้ว คุณยังสามารถเดินช้ิอปปิ้งในร่มอย่างที่ อีตัน เซ็นเตอร์ (Eaton Center) หรือจะช้อปตลอดทางเดินใต้ดิน (Path) ยาวถึง 27 กิโลก็ได้


ส่วนแฟชั่นดีไซเนอร์ราคาแพง ๆ ก็หาได้ง่ายดายที่ ยอร์กวิลล์ รวมทั้งร้านอาหารอินเทรนด์ต่าง ๆ ด้วย

โตรอนโตมีสวนธารณะกระจัดกระจายเต็มเมือง แต่มีอยู่แห่งหนึ่งที่ควรจะไปคือโตรอนโตไอส์แลนด์ (Toronto Island) ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในทะเลสาบออนทาริโอ ใกล้ ซีเอ็นทาวเวอร์ มีเรือแฟรี่ข้ามไปเกาะทุกวันวันละหลายเวลา



บนเกาะมีสวนสาธารณะ แหล่งปิกนิก ชายหาด ร้านอาหาร สวนสนุก ท่าเรือ และสนามบิน มองจากเกาะจะเห็นขอบฟ้าเมืองโตรอนโต (Toronto skyline) ชัดเจน



แหล่งบันเทิงหลังเลิกงานที่สำคัญควรแก่การกล่าวถึงคือดิสทิลลารี่ ดิสตริกท์ (Distillery District) ตั้งอยู่บนปากแม่น้ำดอน ก่อตั้งมาแต่ปี 1832 เคยเป็นโรงกลั่นวิสกี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกช่วงปี 1860 กว่า ๆ ตอนนี้กลายมาเป็นแหล่งศิลปะ และแหล่งร้านอาหารและบาร์เครื่องดื่มที่นิยมของคนโตรอนโต



แหล่งบันเทิงกลางคืนที่เป็นที่นิยมอย่างมากอีกแห่งหนึ่งคือบนถนนสายควีนฝั่งตะวันตก (Queen Street West) โดยเฉพาะิิอย่างยิ่งคืนวันศุกร์ผู้คนมากหน้าหลายตาออกมาดื่มกิน เต้นรำตามคลับต่าง ๆ ส่วนใหญ่ก็หนุ่มสาวโสด ๆ ทั้งหลาย ออกมาหาคู่กัน หรือจะ Bar hopping จากบาร์หนึ่งไปอีกบาร์หนึ่งจนกว่าพระอาทิตย์จะส่องแสงก็ได้ไม่มีใครว่า สาวสวยแต่ไม่โสดอย่างเราเคย Bar hopping กับเืพื่อนสาวสวยที่โสดมั่งไม่โสดมั่งจากที่ทำงาน 5–6 คน สนุกดีเ้หมือนกัน แต่ว่าวันรุ่งขึ้นจำไม่ค่อยได้ว่าไปไหนหรือทำอะไรมามั่ง :)

Friday, May 16, 2008

7 วันใน California - III

วันพฤหัสบดี

วันนี้วางแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ อ่านคู่มือท่องเที่ยวเขาบอกว่าควรไปก่อนเวลาเปิดทำการนิดหน่อย จะได้ไม่รอคิวยาวมาก ก็ทำตาม



ออกจากบ้าน 9.15 น. ไปถึงก่อน 10 โมง ซึ่งเป็นเวลาเปิดทำการเล็กน้อย ต้องต่อคิวยาวตั้งแต่ตอนจ่ายเงินค่าจอดรถ นี่ขนาดยังไม่ถือว่าเป็นไฮซีซันนะ ไม่งั้นแถวจะยาวกว่านี้ ค่าจอดรถ 10 เหรียญ จอดรถเสร็จเดินไปต่อคิวรอรถลาก เพื่อไปยังสวนสนุก นั่งรถแ่ค่ประมาณ 3 นาทีก็ถึงก็รอคิวซื้อบัตรอีก คนละ 53 เหรียญ เที่ยวแค่ดิสนีย์แลนด์ปาร์ค ไม่รวมแคลิฟอร์เนียปาร์ค ถ้ารวมก็ 73 เหรียญ จากนั้นก็ไปรอคิวเข้าสวนสนุก สรุปแล้วเสียเวลารอตั้งแต่ต้นประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าจะเข้าไปในสวนสนุกจริง ๆ



ทางเข้าเป็นตึกรามร้านค้าขนาดไม่ใหญ่ให้ซื้ออาหาร ของขบเขี้ยว และของที่ระลึก สีสรรสวยงาม มีซิตี้ฮอลล์



และสถานีดับเพลิงด้วย



จากนั้นก็ต้องไปเข้าแถวรอเครื่องเล่นต่าง ๆ บางแห่งมีการจองตั๋วล่วงหน้าเราก็ไปถือตั๋วไว้ เขามีกำหนดเวลาเป็นช่วงเราต้องกลับมาเล่นตามเวลาที่กำหนดไว้บนตั๋วโดยไม่ต้องเข้าคิวรอ ก็เลยไปตีตั๋วล่วงหน้าสำหรับนั่งรถอินเีดียน่าโจนส์ไว้ มีเวลาเหลือนิดตั่งชั่วโมงหนึ่ง ไปหาอะไรกินดีกว่า สั่งแพนเค้กมิกกีั้เม้าส์ เพราะคิดว่าน่ารักดี (อยากเป็นเด็กอีก)



กินเสร็จยังมีเวลาเหลือก็เลยไปนั่งเรือรางไพแรตออฟดิคาริเบียน เข้าแถวประมาณ 20 นาที นั่งเรือไม่ถึง 10 นาที ก็นั่งเรือลอดถ้ำเหมือนในหนัง มันก็มืด ๆ เขาห้ามใช้แฟรชถ่ายรูป เลยได้ถ่ายเลย เล่นสนุกอย่างเดียว



พอเสร็จก็ถึงเวลาไปนั่งรถอินเดียน่าโจนส์ตื่นเต้นหวาดเสียวพอสมควร ที่ตื่นเต้นที่สุดก็เป็นตอนที่ต้องหลบก้อนหินก้อนใหญ่กลิ้งมาเหมือนในหนัง รอบหนึ่งแค่ประมาณ 5 นาที ถ่ายรูปไม่ได้อีกเหมือนกัน



จากนั้นก็ไปนั่งรถธันเดอร์เมาเทนท์ หวาดเสียวดี รอบหนึ่งแค่ 3 นาที อันนี้ไปถ่ายคนอื่นมาให้ดูได้



ชักเริ่มหิว ไปหาอะไรกินดีหนอ อาหารที่นี่ค่อนข้างแพง คนส่วนใหญ่จะนำอาหารมาทานเองโดยเฉพาะพวกที่มีลูกเด็กเล็กแดง แต่เราสองคนขี้เกียจ ก็ต้องซื้อเอาแหละ เอมาถึงแคลิฟอร์เนีย ไม่กินอาหารแม็กซิกันก็แสดงว่ามาไม่ถึง เลยได้กินอาหารกลางวันเป็นแม็กซิกัน รสชาติพอใช้ จากนั้นก็ไปเดินเล่นรอบ ๆ ผ่านปราสาทสวย ๆ เป็นที่แสดงรายการโชว์เรียกว่า It's a Small world.



ตึกน่ารัก ๆ ใน Toon Town



เนี่ยก็ใน ตูนทาวน์



ในตูนทาวน์อีก



จากนั้นก็ไปนั่งรถ Autopia และดูโชว์ ฮันนี่ ไอ แชงค์ ดิออเดี่ยน สนุกดี เป็นโชว์หนังสามมิติ ดูสมจริง แค่นั้นเอง ขากลับแวะซื้อของที่ระลึกไปฝากเด็ก ๆ



มีคนสงสัยว่าโตป่านนี้แล้วไปทำไมที่ดิสนีย์แลนด์ อ๋อเพราะว่าตอนเป็นเด็กไม่มีโอกาสได้ไปนี่จ๊ะ

วันศุกร์กับวันเสาร์สุดท้ายไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากไปตีกอล์ฟกับใช้เวลากับครอบครัวเท่านั้นเอง



ใครคิดถึงเมืองไทยแ่ต่ไม่มีเวลากลับบ้่านแคลิฟอร์เนียเป็นหนทางที่ดีที่สุด ไม่ไกลเหมือนเมืองไทย อากาศร้อนเกือบตลอดปี มีอาหารไทยกินเพียบ

Thursday, May 15, 2008

7 วันใน California - II

วันจันทร์

วันนี้มีโปรแกรมต้องไปปาล์มสปริง และค้างที่นั่น 2 คืน เช่ารถขนาดกลางออนไลน์ไ้ว้ก่อนมา แต่พอไปรับรถปรากฏว่ารถขนาดกลางหมด แต่เพราะต้องขนไม้ตีกอล์ฟ เราเลยต้องใช้รถขนาดใหญ่แทน ก็โอเคเพราะนั่งสบายกว่า ออกจากแอลเอ 9 โมงครึ่ง ฟ้าสลัว ๆ อากาศขมุกขมัว แอลเออยู่ฝั่งตะวันตก ใกล้ทะเล ปาล์มสปริงเป็นทะเลทรายอยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดินทางทิศตะวันออก พอขับไปซักพัก แดดเริ่มจัด ฟ้าเริ่มใสขึ้น อากาศเริ่มร้อน ระหว่างทางเห็นภูเขาสูงเป็นดินปนหินไม่มีต้นไม้ ข้างบนมีหิมะปกคลุม แปลกดีอุณภูมิระหว่างพื้นดินกับยอดเขาต่างกันมากเลย

เขามีบริการรถกระเช้าสำหรับผู้ที่อยากรู้ถึงความแตกต่าง ข้างล่างใส่เสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้นเพราะร้อน แต่ให้เตรียมเสื้อกันหนาวเพื่อไปใส่ตอนอยู่ข้างบน บังเอิญเราไม่ได้แวะ เพราะอยากตีกอล์ฟเ็ต็มแก่



พอผ่านไปถึง Yucca Valley จะมองเห็นทุ่งกังหันลมตามข้างทางยาวหลายกิโล กังหันลมนี้เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ในแถบทะเลทรายและพื้นที่ใกล้เคียง

ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง La Quinta Resort (ลา คิงตา รีสอร์ท) เป็นหนึ่งในรีสอร์ทชื่อดังในแถบปาล์มสปริง แต่คนส่วนใหญ่จะมาพักผ่อนในช่วงฤดูหนาว เพราะอุณภูมิที่นี่ิกำลังดี แต่มาตอนนี้ก็ดีหน่อยตรงที่คนไม่ค่อยเยอะและอากาศก็ยังไม่ร้อนจัดจนเกินไป

เราจองสนามกอล์ฟไว้ตอนบ่ายสอง โชคไม่ดี อุณหภูมิทะลุ 40 องศาเซลเซียสวันนี้ ร้อนตับแลบ แต่เนื่องจากไม่มีคนในสนามกอล์ฟเลย ใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่งก็ตีเสร็จ วิวสนามสวยมาก ถึงจะร้อนแต่ยังอดชื่นชมไม่ได้




อาบน้ำอาบท่าให้คลายร้อน มองหาที่กินข้าวเย็น เห็นในคู่มือนักท่องเที่ยวเป็นร้านอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ท่าทางดี ก็เลยโทรไปจองโต๊ะไว้ 6 โมงครึ่ง ไปถึงแ้ล้วเห็นราคาในเมนูแล้วก็อึ้งหน่อย ๆ ฮ่า ๆ ไม่เป็นไร เรามาพักผ่อน ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว หนึ่งในอาหารที่ีเราสั่งเป็นอาหารทะเลจานเย็น มีก้ามปูคิงขนาดใหญ่ ก้ามปูขนาดเล็ก กุ้งล้อปสเตอร์ หอยนางรม หอยลาย ทูน่า หอยเชลล์ ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อดิบนอกจากก้ามปูกับล้อปสเตอร์เท่านั้น ก็อร่อยดี ทานอาหารเสร็จ ตัวเบาโหยงเลย



หลังอาหารกลับโรงแรมเปิดทีวีดู เห็นโฆษณาเครื่องย่างเนื้อ ถึงได้รู้ว่าเชฟที่ร้านอาหารนี้เขามีชื่อเสียงนี่เอง มิน่าหละ

วันอังคาร

กะว่าจะตีกอล์ฟสองรอบวันนี้ จองไว้แล้วตอน 9 โมงเช้ารอบหนึ่ง ไปถึงสนามก่อนแปดโมงเล็กน้อย เพื่อทานอาหารเช้าก่อน หลังจากนั้นก็ไปอุ่นเครื่องที่สนามไดร์ฟกอล์ฟก่อน เขารวมให้ในแพ็คเก็จเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม วันนี้อากาศไม่ร้อนเหมือนเมื่อวาน ซัีก 37 เห็นจะได้ ตีเสร็จ 11 โมงครึ่ง กลับไปอาบน้ำอาบท่า ยังมีเวลาเหลือ เพราะรอบที่สองจองไว้ที่ บ่าย 4 โมงเย็น เลยขับรถออกไปที่ทรัมป์คาสิโน ไปกินกลางวันและอาจเสี่ยงโชคเล็กน้อย ไปถึงแล้วค่อนข้างผิดหวังเพราะข้างในไม่หรูอย่างที่คิด อาหารกลางวัันแบบบุฟเฟท์ก็ราคาถูก คุณภาพไม่ดี มิหนำซ้ำยังเสียพนันอีกต่างหาก เฮ้อ..



บ่ายสามกลับมาถึงรีสอร์ท ออกไปตีกอล์ฟรอบสุดท้าย ไม่มีคนเลย เหมือนมีสนามกอล์ฟส่วนตัวยังไงยังงั้น หรือว่าคนอื่นเขาฉลาด หลบร้อนกันหมด เหลือแต่เราสองคนก็ไม่รู้แฮะ รอบ ๆ สนามกอล์ฟเป็นบ้านสวย ๆ สไตล์สเปน หลังคาแดง ส้ม หรือน้ำตาลอ่อน ราคาค่อนข้างแพง สองห้องนอนราคาครึ่งล้านเหรียญ ส่วนใหญ่เป็นบ้านตากอากาศของผู้มีอันจะกินทั้งหลาย ที่มักจะมาอยู่ที่นี่ช่วงหน้าหนาว เพราะอากาศดี



ถึงเวลาอาหารเย็น นึกถึงร้านอาหารจีนที่ขับรถผ่านตอนกลางวัน เลยไปลองทานดู สองคนกับข้าวสั่งกับขัาวสามอย่าง เขาเสริฟจานเบิ้อเริ้่ม กินกันไม่หมด มื้อนี้ค่อยยังชั่ว รวมทิปแค่ 40 กว่าเหรียญ ถึงห้องนอนหลับปุ๋ยเพราะเหนื่อยมาก

วันพุธ

วันนี้ต้องเช็คเอ้าท์ซะแล้ว ถ้าเรามีความสุขเวลามักผ่านไปเร็ว ออกจากรีสอร์ทเกือบสิบโมงเช้า แวะทานอาหารกลางวันที่ร้านขายผลไม้แห้งมีชื่อ รวมทั้งแวะซื้อของฝากไปด้วย ว่าจะไปเล่นคาสิโนชื่อดังซะหน่อย แต่ว่ามัีนไม่เปิดเลยอด



แต่กะว่าจะไปแวะช้อปปิ้งที่เอ้าเล็ทมอลล์ระหว่างทาง เพราะตอนมาสังเกตว่าค่อนข้างใหญ่มีของแบรนด์เนมขายเยอะ คนข้างตัวซื้อของเยอะแยะ ไม่รู้ถูกใจอะไรนักหนา เราไม่เห็นว่ามันจะราคาถูกตรงไหน เลยไม่ซื้ออะไรมากเสื้อสองตัวแค่นั้นเอง

7 วันใน California - I

May 2005

วันอาทิตย์

ถึงแอลเอตั้งแ่ต่เมื่อวาน แต่เล่นกับหลานไม่ได้ไปไหนทั้งวัน วันนี้มีนัดกินข้าวกลางวันกับเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองไทยด้วยกัน ที่ร้านอาหารใกล้ ๆ กับวัดไทยในลอสแิองเจิลลิส ประมาณเที่ยง ยังพอมีเวลา ก็เลยพากันไปเดินเล่นที่รีดอนโดบีช ขับรถจากบ้านน้องชายสามีไปประมาณ 5 นาทีเอง



อากาศกำัลังดี ประมาณ 20 องศา ที่ชายทะเลลมเย็น แต่แดดจัด มีคนมาเล่นน้ำหลายคนเหมือนกัน แต่จะให้เหมือนที่ชายหาดเมืองไทยคงไม่ได้ ไม่มีส้มตำ ไก่ย่างขายเกลื่อน ไม่มีที่อาบน้ำจืด และน้ำทะเลก็เย็นด้วย



ตามเนินข้าง ๆ หาดมีดอกไม้สวย เดินไปอีกนิดเป็นท่าเทียบเรือ จัดไว้สวยงาม




มีทางเดินเท้าสำหรับผู้ที่มาเดินเล่น ที่นี่ดีนะมีการจัดที่จัดทางให้คนมาเล่นสเก็ตหรือปั่นจักรยาน มีร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก เป็นสัดส่วนไปจากชายหาด


เดินไปเดินมา 11.00 น ซะแล้ว ต้องขับรถไปฮอลลี่วูดนอร์ธ จากรีดอนโดบีชไปก็ไกลเหมือนกัน ยิ่งการจราจรของลอสแองเจิลลิสนะเหมือนเมืองไทยเลย รถติดทุกวัน ถึงร้านอาหารบัวสยาม ประมาณเที่ยงพอดีเพื่อนมารออยู่แล้ว ดีใจจังนาน ๆ ได้เจอเพื่อนที




ร้านอาหารตั้งอยู่ในถิ่นที่มีคนไทยเยอะมาก ใกล้ ๆ วัดไทยที่แอลเอ ร้านนี้มีอาหารจานไม่ใหญ่ให้สั่งมาทานกันในราคาจานละ 2.5 เหรียญ (ขนาดธรรมดาราคา 4.95 เหรียญ) เช่นขนมจีนน้ำยา น้ำยาป่า น้ำเงี้ยว หรือแกงเขียวหวาน เย็นตาโฟ ข้าวเหนียวไก่ย่าง ลาบต่าง ๆ เนื้อน้ำตก ซุปหน่อไม้ โอ้โหรสชาติอาหารเหมือนเมืองไทยจริง ๆ เราสั่งจนน้องที่ร้านอาหารต้องถามว่าเอาหมดหรือพี่ ฮ่า ๆ ขอโทษเถอะค่ะคุณน้อง พี่ไม่ได้ทานอาหารรสชาติอย่างนี้มานาน ยกมาให้พี่เถอะ อย่าถามเลย



กินข้าวเสร็จมีเวลา ก็เลยไปดูวัดไทยเสียหน่อย ไหน ๆ ก็มาแล้ว จากร้่านอาหารไปก็ขับรถประมาณสิบนาทีได้



วัดเหมือนวัดในเมืองไทยไม่มีผิดเพี้ยน เขามีขายอาหารรอบ ๆ วัดด้วย ไม่เคยเห็นข้าวเหนียวมูลหน้าตาดี อย่างนี้มานาน อดใจไม่ไหว ขนมเบื้องไส้หวานและเค็ม หมูย่างกลิ่นยั่วน้ำลาย เหมือนได้กลับเมืองไทยโดยไม่ต้องนั่งเครื่องบินยี่สิบชั่วโมง


คุยไปคุยมาเกือบสี่โมงเย็นแล้ว ต้องกลับบ้านเพราะเดี๋ยวรถติดแย่เลย ใช้เวลากับเื่พื่อนไม่ถึง 4 ชั่วโมง น้ำหนัีกขึ้น 5 โลมั้ง เฮฺ้อ


แถมรูปต้นส้มแถววัด