Monday, April 11, 2011

Saint Lucia - ตอนที่ 2

วันนี้เราจะไปเที่ยวรอบเกาะกัน โดยซื้อทัวร์ที่เรียกว่า Private Island tour นั่นคือ จะมีรถยนต์พร้อมคนขับ พาเราไปเที่ยวรอบเกาะ รถมารับเวลา 8 โมงเช้า กำหนดกลับรีสอร์ท 4 โมงเย็น เขาจะมีโปรแกรมไว้ว่าจะแวะที่ไหนมั่ง คนขับจะบรรยายให้ฟังว่าที่ไหนเป็นอย่างไร แต่เพราะเป็นโปรแกรมส่วนตัว เราชอบที่ไหนจะอยู่นานก็ได้ หรือจะเพิ่มเติมโปรแกรมได้ตามชอบใจ ค่าทัวร์คนละ 120 เหรียญอเมริกัน สองคนกับสามีก็ 240 เหรียญ เกาะเซ้นท์ลูเชีย เป็นเกาะเล็ก ๆ มีพื้นที่แค่ 620 ตารางกิโลเมตร จากรีสอร์ทซึ่งอยู่ตอนใต้ของเกาะเราขับเลียบชายฝั่งตะวันออกขึ้นเหนือไปเรื่อย ๆ แล้ววนกลับมา ตามรายทาง เราแวะชมหมู่บ้านชาวประมง ( Fishing Village) บ้านเรือนส่วนใหญ่อยู่ตามไหล่เขา มีสีสันสวยงาม ต่ำลงมาก็ติดทะเล



เห็นชาวประมงกำลังขนปลาขึ้นฝั่ง ในเรือลำเล็ก ๆ สีสันฉูดฉาด เลยได้ไปแอบดูเล็กน้อย



ปลาที่เขาจับได้วันนี้เป็น Swordfish หรือปลาฉนาก ตัวไม่ใหญ่นัก ขนกันหลายกะบะเลยทีเดียว



ก่อนเข้าเมือง Castries คนขับหยุดให้เราถ่ายรูปผารูปรองเท้าผู้หญิง ที่เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง Pirates of the Caribbean



เราแวะเดินเที่ยวที่ตัวเมือง Castries ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะ เดินเที่ยวชมตลาดขายของที่ระลึก ที่มีของขายมากมาย แต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไรติดมือมา



แวะเที่ยวตลาดขายของกิน กับข้าวดูเหมือน ๆ กันทุกเจ้าเลย สังเกตว่าอาหารจานผักของเขาคือ เผือกกับ Plantain ซึ่งคล้าย ๆ กล้วยตานีบ้านเรา



ไปเดินตลาดสดเห็นเขาขายชมพู่ด้วย แต่ไม่ได้ซื้อ ไม่รู้สึกอยากกิน ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ที่ท่าน้ำเมือง Castries มีเรือสำราญมาแวะตลอด วันนี้เป็นวันพุธ จะเป็นวันที่มีเรือสำราญมาจอดน้อยที่สุด เราถึงเลือกเที่ยววันนี้ เพื่อหลบคนเยอะ ๆ ไง



ตกเที่ยง เราแวะที่ Marrigot Bay เพื่อทานอาหารกลางวัน กินข้าวแกล้่ม วิวสวย ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่อง Doctor Dolittle สมัยปี 1967



อาหารรวมอยู่ในทัวร์แล้ว เขาให้ปลาย่าง กินกับมันฝรั่ง และสลัด พร้อมน้ำส้มแก้วหนึ่ง ง่าย ๆ แต่อร่อยนะ



ข้างร้านอาหารมีต้นมะม่วงกำลังออกลูกอร่าม เห็นแล้วอยากกินมะม่วงจิ้มน้ำพริกน้ำอ้อยแบบเชียงใหม่ น้ำลายไหลเลย



ขับรถผ่านสวนกล้วยเป็นระยะ ๆ กล้วยเป็นสินค้าเกษตรส่งออกที่สำคัญของเกาะ โดยตลาดหลักเป็นประเทศอังกฤษ



ผ่านหมู่บ้านชาวประมงอีกสองสามแห่ง แล้วก็วนมาถึงยอดเขาเลื่องชื่อของเกาะที่เรียกว่า ยอดเขาพิทอง (Piton Peaks หรือ the Pitons) ยอดเขานี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของเซ้นท์ลูเชีย และเนื่องจากมันมีสองยอด (Petit Piton and Gros Piton) สูงเสียดฟ้า เลยเรียกกันว่าเป็นหน้าอกของแคริบเบี้ยน



พักชมวิวกันพอหอมปากหอมคอ เราก็เดินทางต่อไปยังสวนพฤษศาสตร์ประจำเกาะ ซึ่งค่าเข้าชมรวมไปแล้วในแพ็กเก็จทัวร์ของเรา ที่นี่มีพืชเมืองร้อนพอสมควร ที่เห็นเยอะหน่อยก็กล้วยก้ามปู (Crab Claw) มีทั้งสีเหลือง สีส้ม และสีเหลืองกับแดงผสมกันแบบนี้



อันนี้เรียกว่ากล้วยก้ามล็อบสเตอร์ (Lobster Claw) สีแดงสวยเชียว ที่บ้านเราปรกติจะเป็นกล้วยก้ามกุ้ง กับกล้วยก้ามกั้ง (ก้ามกุ้งช่อตั้ง ก้ามกั้งช่อห้อย) เป็นพืชตระกูลเดียวกัน แต่ขนาดเล็กกว่า



อันนี้ของจริงสวยมาก เรียกว่าดอกกาหลา ชื่อภาษาอังกฤษเรียกว่า Torch Lily



รูปนี้เป็นโกโก้ ที่ใช้ทำช็อกโกแล็ต

เรามีไกด์พาชมสวนด้วย ไม่มีเงินเดือนเราต้องทิปเขา ถึงได้รู้ว่ามีรังนกฮัมมิ่งเบริ์ดที่มีลูกนกสองต้วอยู่ ได้เลยภาพเก็บไว้ น่ารักมาก ๆ ตัวกระจิ๊ดเดียว



อันนี้เป็นรูปกล้วยประดับ หัวปลีสีม่วงอ่อนต่างกับหัวปลีของกล้วยทั่วไปซึ่งจะมีสีคล้ำกว่า สังเกตว่าเจ้าตุ๊กแกตัวเขียว มาเกาะเป็นตัวประกอบให้ถ่ายด้วยนา



พอแล้วรูปดอกไม้เดี๋ยวจะเบื่อเสียก่อน สุดท้ายของสวน เราจะเดินไปถึงน้ำตกเพชร Daimond Falls ที่เรียกแบบนี้เพราะถิ่นนี้เป็นถิ่นภูเขาไฟ แร่ธาตุในดิน ในหิน ในภูเขามีมากมาย เมื่อลำธารไหลผ่านได้พาเอาแร่ธาตุเหล่านั้นมาด้วย ทำให้สีน้ำมีหลายเฉดเปลี่ยนไปตามประเภทของแธ่ธาตุที่ปนมา จึงเรียกว่าน้ำตกเพชร เพราะส่งประกายหลากสีเมื่อต้องแสงตะวัน

No comments: