Thursday, April 14, 2011

Saint Lucia - ตอนที่ 3

ออกจากสวนพฤษศาสตร์ คนขับพาเราไป Sulfur Springs เพื่อดูภูเขาไฟที่สามารถขับรถเข้าไปดูได้แห่งเดียวในโลก (The world's only drive-in volcano)


พอขับมาถึงใกล้ ๆ ก็ได้กลิ่นกำมะถัน แสบจมูกไปเลย รู้เลยล่ะว่าอยู่ในเขตภูเขาไฟ
เขาว่าแต่ก่อนภูเขาไฟลูกนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 13 กิโลเมตร แต่ว่ามันยุบตัวลงประมาณสี่หมื่นปีที่แล้ว ตอนนี้เราจึงเห็นมันเป็นเพียงแค่ภูเขาเนินเล็ก ๆ มีควันพุ่งออกมาจากพื้นดิน อย่างนี้


หรือเป็นหลุมโคลนที่กำลังเดือดปุด ๆ จริง ๆ แล้วเขาอนุญาตให้ลงไปอาบโคลนได้ เขาว่าเป็นการดีแก่ผิวหนัง แต่วันนี้โคลนร้อนมาก ขืนลงไปอาบคงได้ผิวใหม่ทั้งตัว


ใกล้ ๆ กัน มีธารน้ำที่มีแหล่งกำเนิดมาจากน้ำพุเล็ก ๆ ที่สามารถใช้ล้างตัวหลังอาบโคลน ในน้ำมีแร่ธาตที่เป็นประโยชน์แก่ผิวพรรณ แต่เราก็ไม่ได้ลงไปอาบน้ำ ดูสีหินสิ ออกเป็นสีน้ำตาลเลย


ออกมาที่เพิงร้านขายของที่ระลึก เจ้านกสองตัวนี้ก็แวะมาชมวิวกะเขาด้วยเหมือนกัน สวีทเชียวนะ เหมือนคู่ฮันนิมูนยังไงยังงั้น


เราได้เพิ่มโปรแกรมดำน้ำตื้นเข้าไปด้วย ออกจากภูเขาไฟ ซึ่งเป็นจุดสุดท้าย คนขับจึงพาเราไปดำน้ำที่ชายหาดระหว่างยอดเขา Piton ซึ่งเป็นเขตของโรงแรม Jalousie Plantation หนึ่งในโรงแรมหรูของเกาะ ได้เห็นปลาหลากสีพอสมควร


มีหอยเม่นเป็นระยะ ๆ


ที่แน่ ๆ พระเอกของงานคือปลาตัวนี้ เรียกว่า Caribbean pipefish มันโชว์ตัวแน่นิ่ง หัวดิ่งน้ำ ให้เราถ่ายรูปสบาย ๆ


มีปลิงทะเลตัวลาย ขนาดใหญ่


หลังดำน้ำแวะบาร์ริมหาดของโรงแรม สั่งเครื่องดื่มคนละแก้ว ราคาหนักพอสมควรเลย เลย แต่ที่นั่งบริเวณหาดของเขาน่านั่งมาก ๆ สงสัยจะขายวิว


จริง ๆ ทัวร์จะจบที่เวลาประมาณ 4 โมงเย็น แต่เราออกจากที่ดำน้ำก็เป็นเวลา 5 โมงเย็นแล้ว คนขับยังพาเราไปดูจุดชมวิวที่หอประภาคารเมือง Vieux Fort ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ทของเรานัก แต่ต้องขึ้นเขาไปใช้เวลาประมาณ 15 นาที เห็นวิวเมือง Vieux Fort มุมสูงแบบนี้


รูปนี้เป็นรูปเกาะ Maria Islands จากมุมสูง เกาะนี้เห็นได้ชัดเจนจากรีสอร์ทที่เราพัก หรือจากระเบียงห้องของเรา


รูปนี้เป็นรูปคนขับกับน้ำเต้าต้น (Calabash ) ต้นไม้ประจำชาติของเซ้นท์ลูเชีย เห็นมีขึ้นอยู่ทั่วไป เขาเอาเปลือกขอแข็งของน้ำเต้ามาทำเป็นภาชนะต่าง ๆ


กลับมาถึงโรงแรมหกโมงกว่า ๆ ทิปคนขับไปเล็กน้อย

No comments: