วันนี้ต้องออกจากจาสเปอร์ย้อนกลับไปพักที่ทะเลสาบมอเรน ระหว่างที่กำลังเริ่มเดินทางกลับเข้าไฮเวย์สาย 93 หรือ Icefields Parkway นั้น ก็มองเห็นเอ้ลค์ (Elk) ฝูงใหญ่ริมถนน มีลูกตัวเล็กที่เรียกว่าแคล์ฟ (Calf) ตัวเป็นจุด ๆ อยู่ด้วย เมื่อโตมามันถึงจะกลายเป็นสีน้ำตาลเหมือนพ่อแม่มัน
จากนั้นก็เดินทางต่อ แต่เริ่มแวะจุดชมวิวและแหล่งท่องเที่ยวรายทาง งานนี้เกือบเหมือนทัวร์ถ่ายป้าย เพราะมันมีจุดแวะหลายจุดเหลือเกิน จุดแรกคือน้ำตกแอทธาบาสก้า (Athabasca Falls) กลางแม่น้ำแอทธาบาสก้า (Athabasca River) ที่มีแหล่งกำเนิดจากธารน้ำแข็งชื่อเดียวกัน
น้ำตกจากผาสูง 23 เมตร เสียงดังกระหน่ำ ถ้ามองตามแสงตะวันจะเห็นสายรุ้งพาดผ่านเป็นเส้นสวย
ข้าง ๆ น้ำตกเห็นดอกไม้ป่าสีขาวชื่อบั้นแบรรี่ด็อกวูดส์ (White Bunchberry Dogwoods) มีสี่กลีบ
นอกนั้นยังสังเกตเห็นดอกไม้ป่าสีม่วงที่บานทีละสองดอกจึงเรียกว่าดอกไม้แฝด (Twinflowers)
พอออกจากน้ำตกก็เห็นฝูงแพะภูเขา (Mountain Goat) มีเขาแหลมตั้ง ขนสีขาวจั๊ว ต่างกับแกะเขาโง้งตรงนี้แหละ ลูกแพะภูเขาตัวเล็ก ๆ นี้จะเรียกว่าคิด (Kid)
หลังจากนั้นก็แวะจุดชมวิวที่ภูเขาคริสตี้ (Mount Christie) เสียดายฟ้าหม่น ฝนตกปรอย ๆ รูปไม่ค่อยสวย
แวะอีกทีที่น้ำตกซันวัปต้า (Sunwapta Falls)
เป็นภาษาอินเดียนแดงเผ่าสโตนนี่ (Stoney Nation) แปลว่าน้ำเชี่ยว (Turbulent River)
จากนั้นแวะที่กำแพงขี้แย (Weeping Wall) เป็นน้ำตกเล็ก ๆ สองสายหล่นจากหน้าผาชัน เหมือนกำแพงกำลังร้องไห้
จุดต่อไปคือโตรกหินมิสตาย่า (Mistaya Canyon) ที่ที่แม่น้ำมิสตาย่า (Mistaya River) ตัดผ่านช่องหินเกิดเป็นโตรกหินแคบ ๆ ทำให้น้ำไหลเชี่ยว เสียงดังซู่ซ่าได้ยินมาแต่ไกล
จุดต่อไปคือทะเลสาบนกน้ำ (Waterfowl Lake) สงสัยมีนกน้ำเยอะแน่เลย แต่มองไม่เห็นซักตัว ท่าจะต้องมาฤดูอื่น
จุดต่อไปต้องเดินขึ้นเขาประมาณสิบนาที คือ Bow Summit & Peyto Lake จุดนี้จะสูงที่สุดในบรรดาวนอุทยานแห่งชาติแถบนี้ เมื่ออยู่สูงจะเห็นน้ำเป็นสีฟ้าใสกว่าปรกติ
จุดชมวิวอยู่สูงจึงเห็นทะเลสาบพีย์โท่ (Peyto Lake) ซึ่งตั้งชื่อตามนักเดินป่ารุ่นบุกเบิก Bill Peyto เห็นน้ำเป็นสีฟ้าสด ทะเลสาบเล็กรูปร่างเหมือนหัวหมาจิ้งจอก เราว่าจุดนี้สวยสุดในอุทยานเลยล่ะ
อีกด้านมองเห็นธารน้ำแข็งพีย์โท่ (Peyto Glaceir) แหล่งป้อนน้ำเข้าทะเลสาบ
ที่นี่เห็นดอกไม้ป่าสีเหลืองเรียกว่าอาร์นีก้า (Arnica)
นอกจากนั้นยังมีดอกลูกโลก (Globe Flower) ดอกสีขาวกลีบมน มีห้ากลีบ เกสรเหลือง กำลังบานสะพรั่ง ดอกไม้ชนิดนี้เหมือนดอกทานตะวันตรงที่มันจะหันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์ตลอดวัน
ดอกอะเน็มโมนี่ตะวันตก (Western Anemone) มีขนตามก้าน ใบฝอย ปลายดอกออกแหลม มีหกกลีบ ถ้ามาฤดูอื่นคงไม่มีโอกาสได้เห็น
ทะเลสาบโบว์ (Bow Lake) จุดเริ่มต้นของแม่น้ำโบว์ แม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านคัลการี่
ด้านหลังเป็นธารน้ำแข็งโบว์ (Bow Glacier) แหล่งน้ำของทะเลสาบโบว์หล่ะ สังเกตเห็นธารน้ำแข็งหนาเตอะ ไม่ละลายง่าย ๆ
ธารน้ำแข็งตีนกา (Crowfoot Glacier) แต่ก่อนมันเคยมีสามขาเหมือนตีนกา แต่ตอนนี้ตีนด้านล่างหายไปแล้ว ตีนกลางก็กำลังหด ไม่รู้ต่อไปเขายังจะเรียกมันว่าธารน้ำแข็งตีนกาอยู่อีกมั้ย
ในที่สุดก็ถึงที่หมาย จากจาสเปอร์มาทะเลสาบมอเรนมีระยะทางแค่ประมาณ 250 กิโลเมตร ใช้เวลาตั้ง 5 ชั่วโมงกว่า ๆ มันก็สวยดีหรอกแต่นั่งรถทั้งวันมันเมื่อยนะจะบอกให้
สี่คืนสุดท้ายเราจะพักที่มอเรนเลกลอดจ์ (Maraine Lake Lodge) ตั้งอยู่ข้างทะเลสาบมอเรน เราพักแบบโรแมนซ์แพ็กเก็จ พักในเคบินไม้ ตกแต่งอย่างมีรสนิยม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ห้องนั่งเล่นต่างระดับ มีเตาผิงอบอุ่น มองนอกหน้าต่างเจอวิวสวย
อาหารเย็นวันนี้ก็ทานที่ร้านอาหารในรีสอร์ทแหละ วิวทะเลสาบสวย อาหารอร่อย
จบการขับรถอันยาวนานมาตลอดสามคืนสี่วัน สำหรับสี่คืนสุดท้ายต่อไปนี้เราจะไม่ไปไหนไกล จะดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัว อ่านหนังสืออย่างสงบข้างทะเลสาบอันสวยงาม มีต่อ..
2 comments:
ถ่ายรูปสวยจัง
เพิ่งนึกได้ว่าคนถ่าย born on the 4th of July.... แหบ ปี๋ แหบ ปี๋ เด้อ.....
ขอบคุณค่ะ
Post a Comment