เลกลูอิส ที่คนไทยออกเสียงเป็นเลกหลุยส์แบบไม่มีเสียงเอสตอนท้ายอีกต่างหาก เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวมานาน คิดว่าใคร ๆ ก็คงเคยเห็นรูปจากมุมนี้ มุมยอดนิยมของทะเลสาบลูอิส มีธารน้ำแข็งวิกทอเรีย (Victoria Glacier) อยู่ฉากหลัง
ด้านข้างของทะเลสาบมีท่าเรือแคนูให้เช่า รูปนี้เห็นน้ำสีสวยดี เคยสงสัยมั้ยคะ ว่าทำไมน้ำในทะเลสาบแถบนี้มันถึงเป็นสีฟ้าสวยจัง ก็เป็นเพราะว่าทะเลสาบแถบนี้ได้น้ำมาจากธารน้ำแข็ง ธารน้ำแข็งตอนไหลลงเขาได้บดแร่ธาตุ ผงหินทั้งหลายติดมาด้วย ผงหินและแร่ธาตุเหล่านี้บางส่วนล่องลอยกระจัดกระจายอยู่ในน้ำ เมื่อแสงแดดส่องมันก็สะท้อนแสงเห็นเป็นสีฟ้าสวย ยิ่งมองมาจากที่สูงเท่าใด สียิ่งจัดมากขึ้นเท่านั้น
เรือแคนูสีแดงสดตัดกับน้ำสีฟ้าใส
ติดกับทะเลสาบลูอิสเป็นโรงแรมเก่าแก่ชื่อ แฟร์ม้องชาโตเลกลูอิส (Fairmont Chateau Lake Louise)
เลกลูอิสมีพื้นที่แค่ 0.8 ตารางกิโลเมตร มีทางเดินไปรอบ ๆ ทะเลสาบจนถึงด้านหลัง ใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่อเดินไปด้านหลังทะเลสาบมองย้อนกลับมาจะเห็นโรงแรมแฟร์ม้องต์อยู่ไกล ๆ (Fairmont Chateau Lake Louise) แบบนี้
มุมนี้ถ่ายภูเขากับธารน้ำแข็งวิกทอเรีย (Victoria Glacier) จากทางเดินด้านหลังของทะเลสาบ เห็นสีขาวของหิมะตัดกับสีฟ้าสวย เอ..คุณสังเกตมั้ยว่าบางทีเราก็ใช้คำว่าหิมะ บางทีก็ใช้คำว่าธารน้ำแข็ง แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ ธารน้ำแข็งมันจะเป็นน้ำแข็งมองเห็นเป็นสีฟ้าใส ๆ และคงสภาพอยู่อย่างนั้นตลอดปี ไม่ละลายหายไปในหน้าร้อน ในขณะที่หิมะเป็นปุยขาว ๆ มีส่วนผสมของอากาศอยู่เยอะ ไม่เหมือนน้ำแข็ง
จากจุดเดิมมองย้อนกลับมาด้านหน้าของทะเลสาบ เห็นกองหินระเกะระกะ และโรงแรมแฟร์ม้องต์อยู่ไกลออกไปอีก มองไปทางไหนก็สวยไปทุกมุมสิน่า
บางคนเขาก็พากันมาขี่ม้ารอบ ๆ ทะเลสาบ (ส่วนใหญ่เป็นแขกของโรงแรมแฟร์ม้องต์) และหยุดชมวิวตรงจุดนี้เหมือนกัน
ดอกไวโอเลทป่า (Violet) ขึ้นตามทางเดิน
เดินได้แค่นั้นก็ขับรถกลับไปพักผ่อนที่มอเรนลอดจ์ นั่งเล่น นอนเล่น อ่านหนังสือ ชมวิวทะเลสาบ เสียให้พอ พรุ่งนี้เราต้องลาจากกันไปเสียแล้ว
ออกมาอีกทีก็ตอนเย็นเพื่อมาทานอาหารที่ห้องอาหาร Tom Wilson Steak House ในโรงแรม Fairmont Chateau Lake Louise อาหารเย็นมื้อสุดท้ายของทริปนี้อยากให้เป็นสเต็กเฮ้าส์ เพราะคัลการี่มีเนื้อชั้นดีนั่นเอง บอกได้คำเดียวว่าไม่ผิดหวัง เนื้อย่างได้ที่ ทั้งเนื้อไบสัน เนื้อวัว ซี่โครง ปลาแซลม่อนและกุ้ง
ลาก่อนนะเลกลูอิส วันหนึ่งเราอาจจะพบกันอีก มีต่อ..
No comments:
Post a Comment