Tuesday, July 01, 2008

Canadian Rockies – Day Four

วันนี้ต้องออกจากจาสเปอร์ย้อนกลับไปพักที่ทะเลสาบมอเรน ระหว่างที่กำลังเริ่มเดินทางกลับเข้าไฮเวย์สาย 93 หรือ Icefields Parkway นั้น ก็มองเห็นเอ้ลค์ (Elk) ฝูงใหญ่ริมถนน มีลูกตัวเล็กที่เรียกว่าแคล์ฟ (Calf) ตัวเป็นจุด ๆ อยู่ด้วย เมื่อโตมามันถึงจะกลายเป็นสีน้ำตาลเหมือนพ่อแม่มัน


จากนั้นก็เดินทางต่อ แต่เริ่มแวะจุดชมวิวและแหล่งท่องเที่ยวรายทาง งานนี้เกือบเหมือนทัวร์ถ่ายป้าย เพราะมันมีจุดแวะหลายจุดเหลือเกิน จุดแรกคือน้ำตกแอทธาบาสก้า (Athabasca Falls) กลางแม่น้ำแอทธาบาสก้า (Athabasca River) ที่มีแหล่งกำเนิดจากธารน้ำแข็งชื่อเดียวกัน


น้ำตกจากผาสูง 23 เมตร เสียงดังกระหน่ำ ถ้ามองตามแสงตะวันจะเห็นสายรุ้งพาดผ่านเป็นเส้นสวย


ข้าง ๆ น้ำตกเห็นดอกไม้ป่าสีขาวชื่อบั้นแบรรี่ด็อกวูดส์ (White Bunchberry Dogwoods) มีสี่กลีบ


นอกนั้นยังสังเกตเห็นดอกไม้ป่าสีม่วงที่บานทีละสองดอกจึงเรียกว่าดอกไม้แฝด (Twinflowers)


พอออกจากน้ำตกก็เห็นฝูงแพะภูเขา (Mountain Goat) มีเขาแหลมตั้ง ขนสีขาวจั๊ว ต่างกับแกะเขาโง้งตรงนี้แหละ ลูกแพะภูเขาตัวเล็ก ๆ นี้จะเรียกว่าคิด (Kid)


หลังจากนั้นก็แวะจุดชมวิวที่ภูเขาคริสตี้ (Mount Christie) เสียดายฟ้าหม่น ฝนตกปรอย ๆ รูปไม่ค่อยสวย


แวะอีกทีที่น้ำตกซันวัปต้า (Sunwapta Falls)


เป็นภาษาอินเดียนแดงเผ่าสโตนนี่ (Stoney Nation) แปลว่าน้ำเชี่ยว (Turbulent River)


จากนั้นแวะที่กำแพงขี้แย (Weeping Wall) เป็นน้ำตกเล็ก ๆ สองสายหล่นจากหน้าผาชัน เหมือนกำแพงกำลังร้องไห้


จุดต่อไปคือโตรกหินมิสตาย่า (Mistaya Canyon) ที่ที่แม่น้ำมิสตาย่า (Mistaya River) ตัดผ่านช่องหินเกิดเป็นโตรกหินแคบ ๆ ทำให้น้ำไหลเชี่ยว เสียงดังซู่ซ่าได้ยินมาแต่ไกล


จุดต่อไปคือทะเลสาบนกน้ำ (Waterfowl Lake) สงสัยมีนกน้ำเยอะแน่เลย แต่มองไม่เห็นซักตัว ท่าจะต้องมาฤดูอื่น


จุดต่อไปต้องเดินขึ้นเขาประมาณสิบนาที คือ Bow Summit & Peyto Lake จุดนี้จะสูงที่สุดในบรรดาวนอุทยานแห่งชาติแถบนี้ เมื่ออยู่สูงจะเห็นน้ำเป็นสีฟ้าใสกว่าปรกติ


จุดชมวิวอยู่สูงจึงเห็นทะเลสาบพีย์โท่ (Peyto Lake) ซึ่งตั้งชื่อตามนักเดินป่ารุ่นบุกเบิก Bill Peyto เห็นน้ำเป็นสีฟ้าสด ทะเลสาบเล็กรูปร่างเหมือนหัวหมาจิ้งจอก เราว่าจุดนี้สวยสุดในอุทยานเลยล่ะ


อีกด้านมองเห็นธารน้ำแข็งพีย์โท่ (Peyto Glaceir) แหล่งป้อนน้ำเข้าทะเลสาบ


ที่นี่เห็นดอกไม้ป่าสีเหลืองเรียกว่าอาร์นีก้า (Arnica)


นอกจากนั้นยังมีดอกลูกโลก (Globe Flower) ดอกสีขาวกลีบมน มีห้ากลีบ เกสรเหลือง กำลังบานสะพรั่ง ดอกไม้ชนิดนี้เหมือนดอกทานตะวันตรงที่มันจะหันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์ตลอดวัน


ดอกอะเน็มโมนี่ตะวันตก (Western Anemone) มีขนตามก้าน ใบฝอย ปลายดอกออกแหลม มีหกกลีบ ถ้ามาฤดูอื่นคงไม่มีโอกาสได้เห็น


ทะเลสาบโบว์ (Bow Lake) จุดเริ่มต้นของแม่น้ำโบว์ แม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านคัลการี่


ด้านหลังเป็นธารน้ำแข็งโบว์ (Bow Glacier) แหล่งน้ำของทะเลสาบโบว์หล่ะ สังเกตเห็นธารน้ำแข็งหนาเตอะ ไม่ละลายง่าย ๆ


ธารน้ำแข็งตีนกา (Crowfoot Glacier) แต่ก่อนมันเคยมีสามขาเหมือนตีนกา แต่ตอนนี้ตีนด้านล่างหายไปแล้ว ตีนกลางก็กำลังหด ไม่รู้ต่อไปเขายังจะเรียกมันว่าธารน้ำแข็งตีนกาอยู่อีกมั้ย


ในที่สุดก็ถึงที่หมาย จากจาสเปอร์มาทะเลสาบมอเรนมีระยะทางแค่ประมาณ 250 กิโลเมตร ใช้เวลาตั้ง 5 ชั่วโมงกว่า ๆ มันก็สวยดีหรอกแต่นั่งรถทั้งวันมันเมื่อยนะจะบอกให้

สี่คืนสุดท้ายเราจะพักที่มอเรนเลกลอดจ์ (Maraine Lake Lodge) ตั้งอยู่ข้างทะเลสาบมอเรน เราพักแบบโรแมนซ์แพ็กเก็จ พักในเคบินไม้ ตกแต่งอย่างมีรสนิยม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน


ห้องนั่งเล่นต่างระดับ มีเตาผิงอบอุ่น มองนอกหน้าต่างเจอวิวสวย


อาหารเย็นวันนี้ก็ทานที่ร้านอาหารในรีสอร์ทแหละ วิวทะเลสาบสวย อาหารอร่อย


จบการขับรถอันยาวนานมาตลอดสามคืนสี่วัน สำหรับสี่คืนสุดท้ายต่อไปนี้เราจะไม่ไปไหนไกล จะดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัว อ่านหนังสืออย่างสงบข้างทะเลสาบอันสวยงาม มีต่อ..

2 comments:

Anonymous said...

ถ่ายรูปสวยจัง
เพิ่งนึกได้ว่าคนถ่าย born on the 4th of July.... แหบ ปี๋ แหบ ปี๋ เด้อ.....

Thai girl said...

ขอบคุณค่ะ