สิ่งปลูกสร้างสูงตะหง่าน ประกอบไปด้วยปูนแตกและหินบิ่นแต่มันช่างดูขลังยิ่้งนัก แหล่งบันเทิงสมัยก่อนคริสตกาลที่สามารถจุคนได้ถึงห้าหมื่น ที่ยังคงกระพันมาถึงปัจจุบัน จะมีที่ใดในโลกบ้างที่เทียบได้
จากนั้นเราก็เดินต่อไปยังโรมันฟอรัม (Foro Romano หรือ Roman Forum) ซึ่งเป็นเหมือนศาลากลางของเมืองโรมันโบราณ ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพัง โรมันฟอรัมนี้ตั้งอยู่ระหว่างสถานที่สำคัญ 3 แห่ง ได้แก่โคลีเซี่ยม(Colosseum) เิินินปาลาืทีนี (Palatine) และ เซอร์คัส แมกซิมัส (Circus Maximus)
ใช้ัเวลานานพอสมควรกว่าจะเดินปีนป่ายบัันไดไปถึงด้านบนของเนินปาลาทีนีซึ่งนิยายปรัมปราเล่าว่าเป็นที่ที่ Romulus ผู้สร้างโรมเติบโตและอาศัยอยู่ ส่วนเซอร์คัส แมกซิมัสก็เป็นเสมือนทุ่งกว้างใช้สำหรับเล่นเกมส์และโชว์การแสดงของคนเมืองโรมสมัยก่อน เห็นมีที่นั่งเหมือนอัฒจรรย์หรือบันไดก็ไม่รู้เป็นหย่อม ๆ
จากนั้นเราก็เดินผ่านไปยังอนุสาวรีย์ Vittorio Emanuele ซึ่้งสร้างไว้เป็นที่ระลึกถึง Victor Emmanuel กษัตริย์คนแรกของอิตาลี (the first king of a unified Italy) เป็นหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่
จากนั้นก็เดินต่อไปยังวิหาร Pantheon (หมายถึง "Temple of all the Gods") สร้างในสมัยโรมันโบราณแต่ถูกไฟไหม้ และถูกสร้างขึ้นใหม่ประมาณ 80 ปีก่อนคริสตกาล แพนธีออนนี้ถือเป็นสิ่งปลูกสร้า่งโบราณที่คงสภาพได้สมบูรณ์ที่สุดในโลกก็ว่าได้
เดินจนเมื่อย เหนื่อย และหิว เลยต้องหาอาหารกินก่อน ได้ร้านอาหารหรูเงียบ ๆ ใกล้แพนธีออน อร่อยอีกแล้ว
เดินไปเรื่อย ๆ ก็ผ่าน Column of Marcus Aurelius ถูกสร้างบนเสามีลวดลายปูนปั้นนูนอันสวยงามเล่าเรื่องราวของ Marcus Aurelius’ Danubian หรือ Marcomannic wars
จากนั้นเราก็ตัดผ่าน Piazza del Popolo หรือ piazza of the people แต่เคยใช้เป็นสถานที่แขวนคอคนเพื่อทำโทษมาก่อน เป็นลานกว้างมีนั่งท่องเที่ยวพักนั่งอยู่ตามชายคาตึกรอบ ๆ แปลกตาดี
เราได้เที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ที่เราอยากชมจนทั่วแล้วมีเวลาเหลือจึงเดินไปที่ Villa Borghese เป็นสวนขนาดใหญ่ใจกลางเมืองโรมอยู่ไม่ไกลจาก Piazza del Popolo เท่าไหร่นัก เนื่องจากสวนมีขนาดใหญ่ข้างในจึงมีรถจักรยาน หรือสามล้อให้เช่า
ข้างในเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ มีบ่อน้ำเป็นแห่ง ๆ มีตึกสวยงาม รวมทั้งมีมิวเซียมและแกลลอรี่อีกด้วย เราเช่ารถสามล้อสำหรับนั่งสองคนปั่นไปทั่ว ใช้เวลาในสวนประมาณ 2 ชั่้วโมงได้ สนุกมาก
เมื่อมีเวลาเหลือเราได้ไปดู Bocca della Verita ซึ่งเป็นหน้ากากขนาดใหญ่ทำด้วยหินอ่อนเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Mouth of Truth ว่ากันว่าถ้าคุณเอามือสอดเข้าไปในปากหน้ากากนี้แล้วพูดโกหกจะเอามือออกมาไม่ได้ ดีนะที่ประตูปิดไปก่อนแล้ว เราจึงไม่ได้ลองไม่งั้นอาจติดแหงกอยู่ที่โรมโน่น อิ อิ ได้แต่ถ่ายรูปอยู่นอกรั้่วเป็นที่ระลึก
No comments:
Post a Comment