สองวันสุดท้ายบนเกาะฮาวาย เราทำตัวสบาย ๆ เริ่มต้นด้วยการตื่นสาย ๆ แล้วไปดำน้ำตื้นดูปลาที่หาด Kahaluu Beach Park ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดเลย ประมาณหนึ่งกิโลเมตรได้
หาดนี้หรือจะว่าไปทุกหาดรอบเกาะ มีคลื่นแรงมาก สมัย King Kamehameha ได้มีการสร้างกำแพงหินกั้นคลื่นบริเวณนี้ เพื่อจะได้ปลอดภัยในการว่ายน้ำแก่ครอบครัวของกษัตริย์เอง คงทำให้สัตว์น้ำทั้งหลายชอบด้วยมั้ง มาโชว์ตัวให้ชมกันทุกวันเลย
ที่นี่เราสามารถเช่าหน้ากากดำน้ำ และตีนกบได้ในราคาไม่แพง ถ้าว่ายน้ำไม่แข็งก็ควรเช่าเสื้อชูชีพด้วย เพราะถึงจะมีกำแพงหินกั้นบางส่วน บางวันคลื่นก็ยังแรงมาก น้ำลึกโดยเฉลี่ยประมาณสองเมตร วันนั้นบังเอิญน้ำเข้าหน้ากากเรา มีปัญหาในการปรับหน้ากากช่วงน้ำลึกเกินความสูงเราพอดี กำลังทุลักทุเล ติดขัดอยู่ สำลักน้ำไปหลายอึก บังเอิญมีหนุ่มฮาวายรูปหล่อที่ทำงานเป็นไลฟ์การ์ดที่หาดนั้น ขี่ม้าขาว เอ้ย พายกระดานโต้คลื่นมาช่วยชีวิต วาดฝัน จินตนาการดี ๆ เขียนเป็นนิยายรักโรแมนติกได้เรื่องหนึ่งเลยนะเนี่ย
เกือบทุกลูกบาศก์แมตรของน้ำที่หาดนี้มีปลา ปะการังและสัตว์น้ำอื่น ๆ ให้ชมมากมาย เราสังเกตว่าแค่เดินอยู่บนโขดหินใกล้น้ำทะเล ก็เห็นแล้ว จึงเป็นนิยมของทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว คนเต็มทุกวัน
ยกตัวอย่างเช่นหอยเม่นดินสอแดง (Red Pencil Sea Urchin)
Lagoon Triggerfish สีสวยตัวนี้ เป็นปลาที่หาดูได้ง่ายมากรอบเกาะ
หลังจากทานอาหารกลางวันง่าย ๆ เราก็ไปช้อปปิ้งของฝาก อย่าง ถั่วแม็กคาเดเมีย กาแฟโคน่า เป็นต้น จะได้แพ็กก่อนกลับบ้านพรุ่งนี้ หลังช้อปปิ้งยังพอมีเวลาเหลือ ถูกใจเราสิ จะได้ทำกิจกรรมอีกอย่างที่เราชอบ คือนั่งมองนักโต้คลื่น
ให้นึกภาพสาวสวย หน้าตาดี หุ่นเพอร์แฟ็ก สวมบิกินี่สีสด นั่งบนหาดทรายอยู่คนเดียว ถือกล้องถ่ายรูปคอยถ่ายนักโต้คลื่นตอนเขากำลังโฉบเฉี่ยวอยู่บนคลื่นยักษ์ นึกภาพออกมั้ย นั่นแหละเราเอง :)
เพราะคนที่นี่มีมนุษยสัมพันธ์ เป็นกันเอง ดีมาก บางทีก็ได้คุยกันกับนักโต้คลื่นบางคน ที่เขาเอาของกองไว้ใกล้ ๆ เราได้แต่คุย แต่ไม่กล้าเล่นถึงแม้บางหาดจะมีคนสอนโต้ เพราะกลัวตาย ฮา.. ขอนั่งดูหนุ่มหล่อ ๆ ก็พอใจแล้ว
นักโต้คลื่นที่นี่ส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่น ถ้ามีเวลาว่างก็มาโต้ เคยคุยกับบางคน เขาย้ายมาจากนิวยอร์คมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่เพราะชอบโต้คลื่นเป็นชีวิตจิตใจ น่าอิจฉาเนอะ ไม่แน่วันหนึ่งชีวิตเราอาจเป็นแบบนั้นก็ได้ ใครจะไปรู้
การนั่งมองนักโต้คลื่น เป็นกิจกรรมสุดท้ายที่เราทำบนเกาะก่อนขึ้นเครื่องลาจากเกาะที่สงบและสวยงาม ขอบคุณสำหรับมิตรภาพและความสุขที่ได้รับ
คืนสุดท้ายบนเกาะ เราไปเที่ยวบาร์ท้องถิ่นในเมืองโคน่า บาร์นี้ไม่มีเหล้าหรือเบียร์ขาย เขาขายเครื่องดื่มที่ทำจากรากไม้เรียกคาว่า Kava Bar)ลูกค้าเป็นคนท้องถิ่นหมด มานั่งดื่มหลังเลิกงานก่อนกลับบ้าน สิ่งที่ประทับใจเราที่สุดคือความมีอัธยาศัยอันดีของชาวเกาะนี้ ทุกคนในบาร์ต่างพูดคุยกับเราราวกับรู้จักกันมานาน ทำให้รู้สึกเป็นกันเองมาก ๆ
อาหารวันนั้นก็ไม่พ้น โพกิ หมูอบ เพิ่มปลาหมึกยักษ์ใบบอนอีกหน่อย กินกับมันเทศสีม่วง ตามสไตล์ชาว จะว่าไปแล้วอาหารบนเกาะไม่ได้เลิศหรูอะไร ส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารพื้นเมือง หรือไม่ก็อาหารสไตล์อเมริกันทั่วไป จะมีร้านแบบสี่ดาวน้อยมาก และสนนราคาอาหารก็แพงกว่าปรกติ ถึงแม้เกาะฮาวายใหญ่จะส่งออกโคเนื้อในปริมาณมาก แต่เนื้อบนเกาะก็ราคาแพง เพราะ แทบจะไม่มีโรงฆ่าสัตว์เลย เรียกว่ามีเท่าไหร่ก็คงส่งออกเกือบทั้งหมด
จบแล้วสำหรับเวลาแห่งความสุขบนเกาะ เป็นเรื่องธรรมดาที่อะไรที่สวยงามประทับใจจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
3 comments:
รูปสวยเหมือนกับทุกๆ ทริบที่ผ่านไป
เล่าเรื่องได้ครบครัน
แต่...
ไหนล่ะรูปนางแบบเจ้าของเรื่องน่ะ
สรุป.. เราดู เราชม แล้ว เราชอบมาก
ทริบหน้าหากต้องการไปดูปลาวาฬพ่นน้ำ บอกเรานะ เราจะทำให้ดูเอง ไม่ต้องนั่งเดินทางไปใกล้สุดขั้วโลกหรอก ที่โทรอนโทก็มี๊ อิอิ...
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันความสุข
ที่ไม่เคยโพสรูปนางแบบนั้น คิดว่าจะเป็นการไล่คนอ่านมากกว่าเชื้อเชิญค่ะ ถ้าตัดสินใจไปทำศัลยกรรมหน้าเมื่อไหร่อาจจะพิจารณาใหม่ค่ะ :)
555..
ก็คงร้องเพลงรอ(ดูรูป)ต่อไป..
ปล. ชาตินี้จะได้ไปไหมหนอ ฮาวายจ๋า Y_Y
Post a Comment