Saturday, February 06, 2010

Hawaii – day 5

Lu’au dinner

วันนี้โปรแกรมที่วางไว้คือไปกินอาหารสไตล์ฮาวายพร้อมโชว์ แต่กว่ามันจะเริ่มก็สี่โมงครึ่งแน่ะ อย่ากระนั้นเลยไปขับรถเที่ยวดีกว่า ตัดสินใจเลือกเส้นทาง North Kohala drive ขับไปทางเหนือของเกาะ

การขับรถบนเกาะไม่ยากเลย เพราะมีเส้นทางสายหลักไม่กี่เส้น ส่วนใหญ่ก็วนรอบเกาะ บ้านเรือนผู้คนก็อยู่กระจายเป็นหย่อม ๆ




พื้นที่เหนือสนามบินโคน่าเป็นต้นไป เป็นหินภูเขาไฟที่ไหลมาจากภูเขาไฟ Hualalai ที่ยังแอ็กทีฟอยู่ มีหญ้าขึ้นเป็นหย่อม ๆ เราแวะที่จุดชมวิวจุดหนึ่ง เห็นฝูงแพะป่ามาเดินอวดโฉมพอดี โชคดีจัง



ก่อนที่ทางหลวงสาย 19 จะหักเลี้ยวขวาสักสิบนาที มีทางเข้า Hapuna beach state park เป็นหาดที่ต้องแวะ เพราะมีหาดทรายขาวกว้าง เป็นที่นิยมมาพักผ่อนกัน



ใช้เวลาเล่นน้ำอยู่หาดนี้ประมาณชั่วโมงหนึ่ง จึงเดินทางต่อไป แต่แวะทานอาหารร้านดังก่อนเปลี่ยนเส้นทางจากสาย 19 เป็นทางหลวง สาย 270 เพราะถนนสายหลักเป็นถนนเลียบชายฝั่งและอยู่เหนือระดับน้ำทะเล ทำให้มีทัศนียภาพที่สวยงาม



แม้เราจะขับรถ แต่ก็ยังเห็นปลาวาฬพ่นน้ำอยู่เป็นระยะ ๆ บางตัวก็กระโดดขึ้นมาเหนือน้ำล่อหูล่อตาดีนัก เสียแต่ว่าข้างทางไม่ค่อยมีที่จอดรถ ก็ได้แต่แอบเหล่ไปตลอดทาง

ตอนเกือบเหนือของเกาะ เป็นพื้นที่ปศุสัตว์ที่สำคัญ มีไร่ปศุสัตว์อยู่ให้เห็นเป็นระยะ ๆ ทั้งเลี้ยงม้าและวัว บางไร่มีรั้วขาวเรียงขนานไปกับถนน สวยน่าชม



เหนือขึ้นไปอีก หินเริ่มเป็นสีแดง มีหญ้าและต้นไม้ขนาดย่อมขี้นประปราย หนทางเริ่มชันขึ้น เป็นพื้นที่เขตภูเขาไฟ Kohala ภูเขาไฟลูกแรกที่ก่อให้เกิดเกาะฮาวายใหญ่นี้ ด้วยหินลาวาที่ไหลมาจากปล่องภูเขาไฟลูกนี้นั่นเอง แต่ขณะนี้ภูเขาไฟลูกนี้ถือว่าไม่แอ็กทีฟแล้ว



เกือบสุดทางหลวงสาย 270 หนทางเริ่มเป็นป่าดงดิบ เห็นใบพลูด่างยักษ์ห้อยตามต้นไม้สองข้างทาง อากาศเริ่มเย็นลง แต่สุดทางหลวงสาย 270 มีจุดชมวิวที่ทำให้ทุกคนตาลุกวาว เขาเรียกว่าหุบเขาโพโลลู (Pololu Valley Lookout)



หุบเขาสูงล้อมรอบด้วยน้ำทะเล หาดทรายเป็นสีดำสนิท ฟองคลื่นสีขาวซัดสาดเข้าฝั่งเป็นระยะ ๆ



จากจุดชมวิวบนเขา เราสามารถเดินลงไปชายหาดได้ ใช้เวลาเดินลงเขาประมาณสิบห้านาทีได้ แต่ทางชันมาก มีหินเต็มไปหมด ต้องระวังทุกผีก้าว



อันนี้ต้องบอกว่าไม่ทราบมาก่อน วันนั้นเราใส่แค่ร้องเท้าแตะคีบ ชุดบิกินี่ใต้เสื้อยืดคลุมตะโพก แต่เพราะอยากลงไปเดินมาก ก็เดินลงไปอย่างนั้นแหละ ค่อย ๆ เดิน ก็พอเดินได้



เมื่อมาถึงข้างล่าง มันก็คุ้มค่าเหนื่อย ใกล้หาดเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มีนกน้ำหาปลา (Black-crowned night heron) อยู่แถวนั้น



หลายคนมาปิกนิก บ้างมาเล่นกระดานโต้คลื่น แต่ที่นี่ไม่มีน้ำจืดให้อาบ อาหารก็ต้องหามาเอง เป็นการปิกนิกท่ามกลางธรรมชาติจริง ๆ แต่เราใช้เวลาอยู่ที่นั่นไม่นานเพราะต้องออกไปทานดินเนอร์คืนนี้ก็เลยต้องรีบกลับ เสียดายจัง





สี่โมงครึ่ง เราแต่งตัวสวย ไปเช็กอิน เพื่อทานอาหารเย็นแบบฮาวายพร้อมโชว์อันตื่นตา สถานที่จัดงานคือโรงแรม King Kamehameha’s โรงแรมซึ่งเคยเป็นที่ตั้งวังของกษัติย์ฮาวายชื่อเดียวกัน ทำให้ดูศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง





ก่อนดินเนอร์มีค็อกเทลให้เลือกดื่ม Mai Tai เป็นค็อกเทลยอดนิยมบนเกาะ หรือจะเลือกไวน์ เบียร์ หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ก็ได้ตามชอบใจ ในขณะเดียวกันก็มีการสอนให้สานปลาจากใบมะพร้าว การสอนรำฮาวาย การวาดลวดลายต่าง ๆ เป็นลายสักยันต์ปลอม ๆ สีสวย ตามส่วนของร่างกายที่ชอบ รวมทั้งมีดนตรีบรรเลงกล่อมตลอด




อาหารหลักที่สำคัญของมื้อนี้คือหมูอบ (Kalua Pig) ที่พ่อครัวเตรียมการและอบมาหลายชั่วโมง ถึงเวลาเอาหมูออกจากเตาอบ เขาก็เชิญชวนให้ทุกคนได้ชม



ก่อนอาหารมีการโชว์กษัตริย์ออกงานรับแขก อาหารมื้อนี้สมมติว่าเป็นอาหารมื้อที่กษัตริย์ทรงเลี้ยงรับรองแขกเมือง



อาหารมื้อนี้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ อาหารที่เป็นแบบฮาวายคือเผือกบด (Poi) ยำปลาดิบ (Poke) ซัลซ่าปลาซัลมอน (Salmon Lomi) ไก่ปูเลฮู (Pulehu Chicken) หมูนึ่งใบบอน (Lau Lau) มันเทศ (Uala) เป็นต้น ที่เหลือเป็นอาหารทั่วไป อย่างสลัด มักกะโรนี เนื้อเทอริยากิ เป็นต้น สำหรับนักท่องเที่ยวที่อาจไม่อยากลองอาหารท้องถิ่น



ระหว่างรับประทานอาหารมีการแสดงชาวเกาะให้ชม เป็นการแสดงที่น่าตื่นตา ตื่นใจมาก ๆ ทั้งแบบฮาวาย แบบตาฮิติ แบบนิวซีแลนด์ และ Samoa เรียกได้ว่าเป็นเวลาสามชั่วโมงที่ไม่น่าเบื่อเลย

No comments: