Monday, April 13, 2009

เกาะ Antigua - ตอนที่ 1

เกาะแอนที้ก้า(Antigua) ตั้งอยู่ในแถบทะเลแคริ้บเบี้ยน เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เกาะที่เป็นแหล่งพักผ่อนทางทะเลที่สำคัญของชาวแคนาดาที่อาศัยอยู่ทางฝั่งตะวันออก เช่น โตรอนโต มอนทรีอัล เกาะนี้เคยเป็นแหล่งผลิตอ้อยเพื่อทำเหล้ารัมที่สำคัญของประเทศอังกฤษ ดังนั้นบนเกาะจึงยังคงมีซากปรักหักพังของโรงบดอ้อยแรงลมอยู่ให้เห็นทั่วไป เพียงแต่กังหันลมได้ผุกร่อนไปแล้ว นอกจากนั้นก็ยังเห็นป้อมปราการสมัยศตวรรษที่ 18 ตั้งอยู่ประปรายตามแหลมหินรอบเกาะ




ชายฝั่งเกาะแอนที้ก้ามีรูปร่างเว้า ๆ แหว่ง ๆ ทุกส่วนที่เว้าและแหว่ง ก็มีชายหาดสีขาวสวยงาม เมื่อมันเว้าแหว่งมาก ๆ ก็เลยทำให้มีชายหาดถึง 365 หาด เรียกว่าถ้าไปอยู่ปีหนึ่งก็ไปเที่ยววันละหาดได้เลย หาดทุกหาดถือเป็นพื้นที่สาธารณะ เปิดให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ บางหาดอาจเข้าทางบกไม่ถึงเพราะไม่มีถนนตัดเข้าไป หาดส่วนใหญ่เงียบสงบ บางหาดมีปะการังให้ดำน้ำดูได้



จากโตรอนโตเราบินลงใต้ใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงสนามบินที่เกาะแอนที้ก้า จุดประสงค์หลักคือหนีความวุ่นวายของชีวิตประจำวันในเมืองใหญ่ เพื่อการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ กับบุคคลอันเป็นที่รัก


ที่พักของเรา

ที่พักของเราชื่อ Cocobay Resort จุดขายของรีสอร์ทนี้คือความโรแมนติก เงียบสงบ ดังนั้นทางรีสอร์ทจึงรับเฉพาะแขกผู้ใหญ่ ไม่รับเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าพัก ยกเว้นช่วงคริสมาสต์เท่านั้น จึงเป็นที่นิยมของคู่แต่งงานทุกเพศทุกวัยที่ต้องการพักผ่อนอย่างสงบ บางคู่ก็มาแต่งงานบนหาดที่นี่เลย น่ารักน่าจดจำไปอีกแบบ




เหตุเพราะเกาะนี้เว้า ๆ แหว่ง ๆ อย่างที่บอกข้างต้น ที่ตั้งของรีสอร์ทก็เป็นชะง่อนผาหินหรือแหลมเล็ก ๆ ยื่นลงไปในทะเล สองข้างของชะง่อนหินเป็นชายหาดสีขาวสวยงาม แขกที่มาพักสามารถว่ายน้ำเล่นได้ทั้งสองหาด ที่พักประกอบไปด้วยกระท่อมเล็ก ๆ เรียงราย ไม่ใช่ตึกสูงโด่เด่ ทั้งหมดมีแค่ 57 ห้องเท่านั้น บนเกาะไม่ค่อยมีร้านอาหารหรือบาร์ให้เลือกมากมาย ดังนั้นรีสอร์ททุกแห่งบนเกาะรวมทั้งรีสอร์ทที่เราไปพักด้วย จึงให้บริการแบบ All-Inclusive คือที่พักพร้อมอาหารสามมื้อทุกวัน



ที่นี่ทุกเช้าและกลางวันจะมีอาหารแบบบุบเฟต์ไว้คอยให้เลือกกินตามชอบใจ ตกบ่ายจะมีชากาแฟและของว่างไว้บริการ ในขณะที่มื้อเย็นจะเป็นอาหารแบบ 4 คอร์ส ตามสั่ง แต่มีรายการอาหารให้เลือกสั่งทุกคอร์ส ประกอบไปด้วย ซุป สลัด เมนคอร์สและของหวาน รายการอาหารของแต่ละวันก็แตกต่างกันไป ทั้งนี้ยกเว้นวันพฤหัสบดีที่ทางรีสอร์ททำเป็นอาหารพื้นเมืองแบบบุบเฟต์ (Caribbean Buffet) และวันอาทิตย์ก็จะมีบาร์บีคิวแบบเวสต์อินเดียน (West Indian Barbeque) ระหว่างรับประทานอาหารก็สามารถเลือกดื่มเครื่องดื่มได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ไวน์ เบียร์ หรือค็อกเทลล์ประเภทต่าง ๆ



ระหว่างวัน แขกของรีสอร์ทสามารถรับเครื่องดื่มทุกชนิดได้ที่บาร์ในตัวโรงเรือน แต่ที่ปลายหาดก็มีเครื่องดื่มง่าย ๆ ไว้สำหรับนักอาบแดดทั้งหลายให้บริการตัวเองด้วย นอกจากนั้นก็ยังสามารถใช้อุปกรณ์ของเล่นทางน้ำอย่างเช่น เรือคายัก เรือใบ เครื่องมือดำน้ำตื้นอย่างหน้ากาก ตีนกบ ฟรีอีกด้วย เรียกว่าถ้าคุณไม่อยากออกจากรีสอร์ทเลยก็มีทุกอย่างไว้บริการครบครัน



เราเดินทางไปถึงวันอาทิตย์ จากสนามบินเรียกรถแท๊กซี่ไปรีสอร์ทใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ที่เกาะนี้ขับรถเลนซ้ายเหมือนเมืองไทยเลย ถนนก็มีแค่สองเลนเป็นอย่างมาก และคนขับก็ขับฉวัดเฉวียนไม่แพ้กัน



กระท่อมของเราเป็นแบบวิวทะเล (Sea view Cottage) เราจองไว้ทั้งหมด 7 คืน ในห้องมีแชมเปญแช่เย็นไว้รออยู่ พร้อมดอกไม้ในแจกันสวยงาม เตียงขนาดใหญ่ (ควีนไซส์) มีมุ้งกลมคลุมไว้ น่ารัก น่านอน ในห้องมีเครื่องปรับอากาศแต่ไม่ค่อยมีคนใช้ เพราะอากาศกลางคืนบนเกาะเย็นอยู่แล้ว อีกทั้งไม่มีทีวีและโทรศัพท์ในห้อง เราชอบไปพักในสถานที่แบบนี้ เป็นการหนีชีวิตประจำวันอันยุ่งเหยิง สู่ความสงบของธรรมชาติ เพื่อสัมผัสสายลม แสงแดดและเสียงคลื่น อย่างแท้จริง



ด้านหลังของกระท่อมทุกหลังจะหันหน้าเข้าทะเลเป็นระเบียงมีหลังคา มีเก้าอี้ และแปลญวนแขวนไว้ให้นอนเล่นเย็นใจ ห้องน้ำมีประตูหลังเปิดสู่ทะเล ทำให้เห็นวิวสวยงามและรับแสงสว่างตามธรรมชาติ แต่มีก็มีความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างดี





กิจกรรมในรีสอร์ท

แขกที่มาพักในรีสอร์ทเกือบทั้งหมดมาเป็นคู่ ๆ ส่วนใหญ่เป็นคนอังกฤษ ที่เหลือประกอบด้วย อิตาเลี่ยน ดัชท์ อเมริกันและแคนาดา กิจกรรมประจำวันของแขกที่มาพักบนเกาะคือ นอนรับไอแดดอันอบอุ่นหรือจูงมือกันเดินตามชายหาด หลายคนจะอ่านหนังสืออย่างเงียบ ๆ นั่งดูนกกระทุงหาปลา ว่ายน้ำทะเล พายเรือคายัก เล่นเรือใบ หรือนอนรับแดดรอบ ๆ สระน้ำแบบอินฟินิตี้ (infinity pool) ออกแบบให้กลืนไปกับทะเลสีครามอันสวยงาม ถึงแม้สระจะมีขนาดไม่ใหญ่นักแต่สามารถรองรับความต้องการของแขกในรีสอร์ทได้



ทุก ๆ วันหลังอาหารเช้า เรามักจะไปนอนรับแดดที่ชายหาดเฟรย์ ติดกับรีสอร์ททางทิศตะวันตก นกกระทุงหลายตัวจะมาดำน้ำหาปลาอวดอยู่ตลอดเวลา พอถึงเวลา 10 โมงเช้า เจ้าหน้าที่ก็เปิดให้ยืมเรือคายัก หรือเรือใบ และอุปกรณ์ดำน้ำตื้นได้ เสียแต่ว่าน้ำทะเลของชายหาดฝั่งด้านนี้มีคลื่นซัดตลอดเวลาทำให้มีทรายเม็ดเล็ก ๆ ล่องลอย ไม่มีวิสัยทัศน์สำหรับการดำน้ำตื้นเลย แต่ก็เหมาะสมกับการว่ายน้ำ เพราะใกล้หาดน้ำจะลึกประมาณ 1 เมตร มีแนวหินปะการังล้อมรอบเป็นสัดส่วน



เหมือนแขกคนอื่น ๆ ในรีสอร์ทซึ่งส่วนใหญ่มาหาความสงบตามธรรมชาติ มีแขกบางคนเท่านั้นที่ใช้เรือพายหรือเรือใบที่ทางรีสอร์ทมีไว้บริการกันเบื่อ ส่วนเรานั้นพายเรือคายักเล่นแค่ครั้งเดียว พายไปรอบ ๆ อ่าวเชอร์ชวัลเล่ย์ (Church Valley) ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ได้เหงื่อพอสมควร อีกทั้งแดดจัดจ้า ครีมกันแดดยังเอาไม่อยู่ ตัวดำเป็นเหนี่ยงเลย



ที่สนุกหน่อยก็คือเรือใบ เรือที่เราแล่น เรียกว่า Catamaran ผลิตโดยบริษัท Hobie จึงเรียกกันง่าย ๆ ว่า Hobie Cat เพราะเราไม่เคยแล่นเรือใบ คนดูแลเรือจึงอธิบายวิธีการแล่นให้เล็กน้อยก่อนออกทะเล ทั้งนี้หลักง่าย ๆ ก็คือ เราพยายามให้ใบเรือรับลมเต็มที่ โดยให้ทิศทางลมมาจากด้านหลัง ดังนั้นคนเป็นกับตันก็จะเปลี่ยนข้างถือหางเรือตามทิศทางของลม และก็คอยบังคับเรือให้ไปในทิศทางที่ต้องการเท่านั้นเอง ฟังดูง่ายมั้ย



กับตันสุดที่รักของเราเริ่มก่อน เขาทำได้ดีมาก บังคับเรือให้แล่นโดยใบเรือต้านแรงลม เรือแล่นไปรอบอ่าว สนุกสนานดี ทีนี้ก็เลยถึงตากัปตันผู้หญิงล่ะ เราลองแล่นดู ใช้เวลาไม่นานก็พอแล่นได้ ใบเรือต้านลม ลมยิ่งแรงเรือยิ่งเร็ว เรือยิ่งเร็วเรายิ่งสนุก และแล้วก็ถึงเวลาเลี้ยวกลับ ความเร็วไม่ลด พยายามเลี้ยว เรือก็เลยคว่ำ

ลอยคออยู่ในน้ำสีคราม เรือคว่ำแต่เสียงหัวเราะดังลั่น กับตันผู้ชายรีบว่ายน้ำออกไปไกลเรือเพื่อถ่ายรูปเอาไว้เกทับทีหลัง



เขากลับมาดึงเรือให้พลิกกลับ ช่วยเรากลับขึ้นเรือ พร้อมกับบอกว่า ที่รักวันนี้คุณพอแค่นี้ก่อนนะ ให้ผมเป็นกับตันทั้งวันก็แล้วกัน ขี้เกียจกู้เรือ ฮา..


ตอนบ่ายเรามักจะมานั่งเล่นที่สระว่ายน้ำ มีอยู่หลายวันที่เราแช่น้ำเล่นในสระ พร้อมนั่งมองหมู่นกกาบินกลับรัง เรือต่าง ๆ มุ่งกลับท่า และตะวันค่อย ๆ ตกน้ำลับตาไป


ยังมีตอนต่อไป....

1 comment:

Pop said...

น่าหนุกจัง อยาก ทัวร์ต่างประเทศมากเลย