หลังจากทำงานหนัก ๆ ติดต่อกันมาหลายสัปดาห์ และพอมีวันหยุดเหลืออยู่บ้าง ก็เลยลาพักผ่อนต่ออีกสองวันช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า หยุดสั้น ๆ อย่างนี้ ไปที่ไหนก็ไม่ดีเท่าน้ำตกไนแอการ่า เพราะใช้เวลาขับรถแค่เกือบ ๆ สองชั่วโมง มีที่สวย ๆ ให้ชมตลอดทาง
เนื่องจากไปเที่ยวน้ำตกบ่อย ๆ ไปเที่ยวนี้ก็ใช้เส้นทางเดิม แวะเที่ยวเมือง Niagara-on-the-lake ก่อน เพราะชอบดูสวนองุ่นข้างทาง บ้านสวย ๆ ในสวนองุ่น ในเมื่อเรามีเองไม่ได้ก็ต้องชมของชาวบ้านเขาแหล่ะนะ
แวะกินอาหารเที่ยงที่ห้องอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่งในเมือง Niagara-on-the-lake ชมวิวท่าเรือสวย ๆ แล้วก็ขับรถไปน้ำตกโดยใช้ถนน Niagara Parkway ซึ่งก็ค่อนข้างแปลกใจปนตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าใบไม้แถบนี้จะเปลี่ยนสีแล้ว เลยตื่นตาตื่นใจไปกับใบไม้สีสวย ๆ ตลอดทางเส้นทางสายไวน์เส้นนี้
เมื่อเราแวะชมวิวที่จุดชมวิวข้างทาง รถโฟล์กสวาเก้นโบราณคันนี้ก็แวะมาจอดชมวิวกับเขาด้วย คนรุมกันถ่ายรูปมากพอ ๆ กับจุดชมวิวเลยทีเดียว ดูเอาเองนะว่าเท่หรือเปล่า
แวะชมนาฬิกาดอกไม้ คนก็เยอะเหมือนเดิม นั่งและยืนถ่ายรูปกันเป็นคู่ ๆ หรือเป็นกลุ่ม ๆ ตลอดเวลา
ข้าง Niagara Parkway มีสวนสาธารณะเป็นหย่อม ๆ ไว้ปิกนิก หรือนั่งเล่น นอนเล่น ตลอดทาง มีลู่ให้ปั่นจักรยานหรือเดินเล่น โดยตลอดด้วย ใบไม้ของต้นไม้ในสวนเหล่านี้เปลี่ยนสีเป็นสีส้ม แดง หรือเหลือง สวยงาม
แวะที่วังน้ำวน (Niagara Whirlpool) น้ำเชี่ยวเป็นสีเขียวอมเทาตัดกับไบไม้สีส้ม เป็นภาพที่น่าดูทีเดียว
เช็กอิน เรียบร้อย แอบไปเสี่ยงโชคที่คาสิโนเล็กน้อย โชคไม่เข้าข้าง เลยต้องรีบกลับ เดี๋ยวไม่มีเงินกินข้าว ภาพข้างบนเป็นลานจอดรถที่หอสภายลอน
ตอนเย็นเราไปทานอาหารที่หอสกายลอน (Skylon tower) มานี่ตั้งหลายที ไม่รู้สึกว่าอยากขึ้น ก็เลยขึ้นซะเลย ห้องอาหารเป็นแบบพี้นหมุน รอบหนึ่งใช้เวลา 1 ชั่วโมง คนเยอะ อีกทั้งมืดแล้ว วิวกลางคืนไม่ค่อยสวย อาหารก็งั้น ๆ แพงอีกด้วย
มาแถบไนอะการ่า ไม่ตีกอล์ฟ ก็ไม่ครบรสสิใช่มั้ย วันรุ่งขึ้นก็เลยไปออกรอบ วิวรอบ ๆ สนามกอล์ฟสวยมาก ภาพข้างบนเป็นคลองเล็ก ๆ ข้างสนามกอล์ฟ
โรงเก็บของของสนามกอล์ฟเขาล่ะ ด้านหลังเป็นเนินเขาไนอะการ่า (Niagara escarpment) เนินเขาเตี้ยแต่ยาวที่พาดผ่านอเมริกาและแคนาดา มีความยาวในออนทาริโอถึง 725 กิโลเมตร สูงสุดแค่ 335 เมตรเท่านั้น ช่วงนี้ต้นไม้บนเนินเขาเปลี่ยนสีสวยสดน่าดูชม
ตีกอล์ฟเสร็จก็ไปเดินเล่นเลียบน้ำตก คนเยอะเหมือนเดิม ภาพข้างบนคือน้ำตกอเมริกัน และน้ำตกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเล็ก ๆ ทางซ้ายมือ ปริมาณน้ำที่ผ่านสองน้ำตกนี้สู่แม่น้ำไนอะการ่ามีแค่ 10 เปอร์เซ็นต์
น้ำตกเกือกม้าฝั่งแคนาดา มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 90 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเรือเมดออฟเดอะมิสต์ที่พาคนชมน้ำตกในแม่น้ำ มีเสื้อกันฝนสีฟ้าให้ใส่กันเปียกทุกคน
ใครที่อยากสัมผัสละอองน้ำตก นอกจากทางเรือเมดออฟเดอะมิสต์ ก็ไปเดินหลังน้ำตก เขามีเสื้อกันฝนให้ใส่ เห็นเป็นสีเหลือง ๆ ข้าง ๆ น้ำตก ก็ขนาดเราเดินอยู่ข้างบนยังเปียกเลย
สายรุ้งหลากสี มีให้เห็นตลอดปี วันนี้เห็นถึงสองสายแน่ะ เสียดายถ่ายรูปออกมาไม่ดีเท่าไหร่
ตีกอล์ฟเสร็จก็ไปเดินเล่นเลียบน้ำตก คนเยอะเหมือนเดิม ภาพข้างบนคือน้ำตกอเมริกัน และน้ำตกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเล็ก ๆ ทางซ้ายมือ ปริมาณน้ำที่ผ่านสองน้ำตกนี้สู่แม่น้ำไนอะการ่ามีแค่ 10 เปอร์เซ็นต์
น้ำตกเกือกม้าฝั่งแคนาดา มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 90 เปอร์เซ็นต์ พร้อมเรือเมดออฟเดอะมิสต์ที่พาคนชมน้ำตกในแม่น้ำ มีเสื้อกันฝนสีฟ้าให้ใส่กันเปียกทุกคน
ใครที่อยากสัมผัสละอองน้ำตก นอกจากทางเรือเมดออฟเดอะมิสต์ ก็ไปเดินหลังน้ำตก เขามีเสื้อกันฝนให้ใส่ เห็นเป็นสีเหลือง ๆ ข้าง ๆ น้ำตก ก็ขนาดเราเดินอยู่ข้างบนยังเปียกเลย
สายรุ้งหลากสี มีให้เห็นตลอดปี วันนี้เห็นถึงสองสายแน่ะ เสียดายถ่ายรูปออกมาไม่ดีเท่าไหร่
ตกเย็นเราไปทานอาหารอิตาเลี่ยนเจ้าประจำกลางเมือง อาหารอร่อย มีไวน์ให้เลือกเยอะ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเหมือนกิจประจำเสียแล้ว เพราะมาบ่อย ๆ รุ่งขึ้นก็ตื่นสาย ๆ แวะซื้อไวน์ผลไม้เจ้าอร่อยซะโหลหนึ่ง จริง ๆ แล้วไวน์เจ้านี้ก็มีขายในร้านเหล้าของออนทาริโอแหละ เพียงแต่มีไม่ครบรส ก็เลยต้องแวะซื้อถึงฟาร์ม ไวน์ผลไม้มีรสหวาน เอาไว้ดื่มหลังอาหาร ในขณะที่พวกผู้ชายเขาดื่มด่ำกับสก็อตช์วิสกี้บ่มนานรสเก่าแก่กัน ผู้หญิงก็โจ้ไวน์ผลไม้อร่อย ๆ
จบช่วงเวลาแห่งความสุขแถบน้ำตกแต่เพียงเท่านี้
No comments:
Post a Comment